เปิดผลตรวจสอบที่ดิน ส.ป.ก. ไม่ทับซ้อนอุทยานแห่งชาติ

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า

ด่วน ธรรมนัส รมว.เกษตรฯ แถลงชัด กรมแผนที่ทหารชี้ ที่ดิน ส.ป.ก.- อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ไม่เป็นพื้นที่ทับซ้อน และอยู่นอกแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พร้อมจัดทำพื้นที่กันชน (Buffer Zone) ระหว่างพื้นที่ ส.ป.ก. พื้นที่อุทยานแห่งชาติ และพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ โดยกันพื้นที่ดังกล่าวให้จัดทำเป็นป่าในเขตปฏิรูปที่ดิน

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยร้อยเอกรชฏ พิสิษฐบรรณกร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) และนายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แถลงข่าวกรณีพิพาทพื้นที่ทับซ้อนในที่ดิน ส.ป.ก.-อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ว่า

กรมแผนที่ทหารได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี รายงานผลการตรวจสอบแนวเขตที่ดินทับซ้อนดังกล่าว มีผลการตรวจสอบให้แปลงปฏิรูปที่ดินของ ส.ป.ก. ไม่ทับซ้อน และอยู่นอกแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้ลงนามคำสั่งถึงเลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก) ลงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 เรื่อง นโยบายการดำเนินการบริเวณเขตพื้นที่กันชน (Buffer Zone) กับเขตปฏิรูปที่ดิน

เพื่อให้การดำเนินงานของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ให้การบริหารจัดการพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดิน เหมาะสมตามหลักนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ และบริบทความจริงของสังคมในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป โดยได้มอบนโยบายและขอให้ ส.ป.ก.ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจโดยเคร่งครัดดังต่อไปนี้

1) ตรวจสอบการจัดที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินบริเวณพื้นที่ตามแนวเขตปฏิรูปที่ดินที่ติดต่อกับเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และพื้นที่ต่อเนื่อง ว่าเป็นการจัดที่ดินโดยผิดกฎหมายหรือไม่ หรือจัดที่ดินให้แก่เกษตรกรโดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรือยังมีที่ดินที่ยังไม่ได้ดำเนินการจัดให้แก่เกษตรกรแต่อย่างใด

2) จัดทำพื้นที่กันชน (Buffer Zone) ระหว่างพื้นที่ ส.ป.ก. พื้นที่อุทยานแห่งชาติ และพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ โดยกันพื้นที่ดังกล่าวให้จัดทำเป็นป่าในเขตปฏิรูปที่ดิน

3) ตรวจสอบการจัดที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินบริเวณรอยต่อกับพื้นที่ในความรับผิดชอบของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมป่าไม้ หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบที่ดินของรัฐอื่น ๆ โดยให้ดำเนินการทั่วทั้งประเทศ ว่า

มีกรณีจัดที่ดินโดยผิดกฎหมายหรือไม่ หรือจัดที่ดินให้แก่เกษตรกรโดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หรือยังมีที่ดินที่ยังไม่ได้ดำเนินการจัดให้แก่เกษตรกรแต่อย่างใด หากพบว่าการจัดที่ดินดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ดำเนินการตามกฎหมาย หรือระเบียบที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องโดยเคร่งครัด

และ 4) เตรียมการสำรวจพื้นที่ที่ยังไม่ได้รับการจัดสรรหรีอที่ดินว่างเปล่ารองรับเกษตรกรกลุ่มเปราะบาง หรือกลุ่มผู้ด้อยโอกาสที่ไม่มีที่ดินทำกินโดยให้จัดสรรที่ดินให้กับกลุ่มเหล่านี้ตามระเบียบ ส.ป.ก.ต่อไป โดยให้ยึดถือตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด

“จากกรณีดังกล่าว ยืนยันว่าทั้ง 2 หน่วยงานไม่มีใครผิดใครถูก เนื่องจากถือแผนที่คนละฉบับ ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กรมแผนที่ทหารเป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำโครงการ One Map เพื่อตรวจสอบและป้องกันการเกิดข้อพิพาทอื่น ๆ เพิ่มเติมในอนาคต และในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ ได้มีการตั้งกรรมการสอบเจ้าหน้าที่ที่มีพฤติกรรมส่อผิดกฎหมายในการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. พร้อมทั้งมอบที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายร้องต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หากตรวจพบการกระทำผิดตามกฎหมายจะดำเนินคดีตามกฎหมายมาตรา 157 และเรื่องวินัยร้ายแรง

อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้ตรวจสอบพื้นที่ ส.ป.ก.รอบเขาใหญ่ทั้งหมด ว่ามีการจัดสรรที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หากพบว่าเป็นรีสอร์ตหรือโรงแรมจะยึดคืน ซึ่งได้ให้สำรวจทั่วประเทศ หากพื้นที่ยังไม่ได้จัดสรรให้เกษตรกร ทั้ง 2 หน่วยงานมีแนวทางจะทำเป็นป่าชุมชน หากพื้นที่ใดทำผิดวัตถุประสงค์จะเพิกถอนต่อไป” ร้อยเอกธรรมนัสกล่าว

นอกจากนี้ ร้อยเอกธรรมนัสได้ประชุมมอบนโยบายแก่ปฏิรูปที่ดินทั้ง 72 จังหวัด โดยแนวทางการขับเคลื่อนงานหลังจากนี้ ทั้ง 2 หน่วยงานจะจับมือกันพิทักษ์ป่าและพื้นที่อุทยานด้วยกัน และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ที่แสดงความกล้าหาญปกป้องผืนแผ่นดินไทย รวมถึงให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. ในการปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถ เพื่อจัดสรรพื้นที่ทำกินให้กับพี่น้องเกษตรกร