ดันเจรจา FTA ไทย-อียู นัดเจรจารอบต่อไป ปลายเดือนมิถุนายน 2567 นี้

‘ภูมิธรรม’ หารือรัฐมนตรีด้านการค้า ฟินแลนด์ สบช่องขยายตลาดกลุ่มนอร์ดิก ดันเจรจา FTA ไทย-อียู จบภายใน 2 ปี กำหนดนัดเจรจารอบต่อไปในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2567 พร้อมชูทำเศรษฐกิจดิจิทัล เสริมแกร่งเศรษฐกิจไทย

วันที่ 27 มีนาคม 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือกับนายบิลเล ตาบีโอ รัฐมนตรีด้านการค้าต่างประเทศและการพัฒนา กระทรวงการต่างประเทศ ประเทศฟินแลนด์ว่า ไทยและฟินแลนด์เป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สำคัญ และมีความสัมพันธ์อันดีมานานกว่า 70 ปี

ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ของไทยพร้อมร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชนของฟินแลนด์ ในการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนระหว่างกัน โดยทั้งสองฝ่ายย้ำว่า ให้ความสำคัญอย่างมากกับการเจรจา FTA ระหว่างไทยและ “อียู” (สหภาพยุโรป หรือ European Union) และยินดีที่การเจรจาคืบหน้าไปด้วยดี

โดยการเจรจา FTA กับอียู ถือเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญที่รัฐบาล โดยกระทรวงพาณิชย์ ต้องการเร่งรัดการเจรจาให้สำเร็จโดยเร็ว จะเป็นประโยชน์กับทั้งไทยและอียู และประเทศสมาชิกอียู 27 ประเทศ รวมถึงฟินแลนด์ เพื่อขยายโอกาสทางการค้า ทั้งสินค้าและบริการ ตลอดจนการลงทุนระหว่างกัน โดยการเจรจา FTA กับอียู จัดประชุมแล้วสองรอบล่าสุดเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

สำหรับความคืบหน้าจะมีการกำหนดนัดเจรจารอบต่อไปในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2567 โดยฟินแลนด์ยินดีที่จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อให้สามารถสรุปผลการเจรจา FTA ได้สำเร็จภายใน 2 ปี ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ หากเจรจาสำเร็จจะเป็น FTA ที่มีความทันสมัยและมีมาตรฐานสูงมากที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับ FTA ที่ผ่านมาของไทย

นายภูมิธรรมกล่าวอีกว่า ไทยและฟินแลนด์มีความสัมพันธ์ที่ดีในทุกด้าน รวมถึงการท่องเที่ยว สำหรับด้านเศรษฐกิจ การค้า และการพัฒนา ขณะนี้รัฐบาลไทยอยู่ระหว่างขับเคลื่อนนโยบายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและขนส่ง ไม่ว่าทางบก น้ำ ราง และอากาศ จึงเชิญชวนให้ฟินแลนด์ รวมทั้งประเทศสมาชิกอียูเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในสาขาเทคโนโลยีขั้นสูงที่อียูมีความเชี่ยวชาญ เพื่อประโยชน์ร่วมกัน และเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ทำให้เศรษฐกิจมีการขยายตัวและมีเสถียรภาพ

ซึ่งนักลงทุนจากฟินแลนด์สามารถใช้ประเทศไทยเป็นประตูเชื่อมโยงสู่ภูมิภาคเอเชียด้วย นอกจากนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบ เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า ตลอดจนสอดรับกับการค้ายุคใหม่ โดยคำนึงถึงการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล การพัฒนาที่ยั่งยืน การรักษาสิ่งแวดล้อม มาตรฐานแรงงานที่ดี รวมถึงการเคารพสิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตย และเสรีภาพของประชาชน

การค้าไทย-ฟินแลนด์

ในปี 2566 ฟินแลนด์ เป็นคู่ค้าอันดับ 14 ของไทยในยุโรป การค้ารวม 572.73 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยส่งออกไปฟินแลนด์ 143.12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ไทยนำเข้าจากฟินแลนด์ 429.60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการค้ารวมไทย -อียู มูลค่า 41,582.24 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยส่งออกไปอียู 21,838.37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ไทยนำเข้าจากอียู 19,743.87 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

สินค้าสำคัญที่ไทยส่งออกไปฟินแลนด์และอียู เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร เครื่องครัว และของใช้ในบ้านเรือน รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ

สินค้าสำคัญที่ไทยนำเข้าจากฟินแลนด์และอียู เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เครื่องบิน เครื่องร่อน อุปกรณ์การบินและส่วนประกอบ เครื่องมือเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การแพทย์ แผงวงจรไฟฟ้า ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่ง และทองคำ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ทำจากพลาสติก

การลงทุนระหว่างไทยกับอียู การลงทุนของไทยในอียู ในปี 2566 (ม.ค.-ก.ย.) มีมูลค่า 3,173.07 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยที่ผ่านมามีการลงทุนสำคัญ ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับ

ขณะที่การลงทุนของอียูในไทย ในปี 2566 (ม.ค.-ก.ย.) มีมูลค่า 2,745.07 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยที่ผ่านมามีการลงทุนสำคัญ ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์และยา ธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ธุรกิจบัญชี ธุรกิจขนส่ง และธุรกิจการเงิน