นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ล่าสุดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นเจ้าภาพจัดงานจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ในโครงการสร้างเสริมศักยภาพเพื่อขยายตลาดคู่ค้ายางพาราไทย ระหว่างกลุ่มสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางกว่า 30 สถาบันทั่วประเทศและผู้ประกอบกิจการยางพารากว่า 20 บริษัท ตั้งเป้าเพิ่มยอดขายยางระหว่างประเทศ เพิ่มโอกาสในการขยายตลาดใหม่ โดยการจับคู่ business matching ในครั้งนี้เป็นการเปิดโอกาสให้กลุ่มสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง ซึ่งเป็นผู้ผลิตยางพาราได้พบกับผู้ซื้อยางเพื่อเป็นผู้ประกอบกิจการยางพาราจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงกลุ่มประเทศตลาดใหม่ ได้แก่เม็กซิโก เกาหลีใต้ ศรีลังกา อินเดีย ไต้หวัน สหรัฐอเมริกา และอิหร่าน เป็นต้น โดยมีการสั่งซื้อยางจากลุ่มสถาบันเกษตรกรและ กยท. คิดเป็น 57% ของจำนวนบริษัททั้งหมดที่เข้าร่วมการจับคู่เจรจาธุรกิจ ทั้งนี้มีการสั่งจองยางหลายประเภท ได้แก่ น้ำยางข้น ยางเครปขาว ยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง เป็นต้น รวมเป็นปริมาณกว่าเดือนละ 5.8 หมื่นตัน หรือ 6.96 แสนตันต่อปี
นายเยี่ยม ถาวโรฤทธิ์ รักษาการผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย ในฐานะเจ้าภาพในการจัดงานจับคู่ทางธุรกิจครั้งนี้กล่าวว่า การจับคู่ทางธุรกิจเป็นการเปิดโอกาสให้กลุ่มสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง โดยมีการสั่งซื้อยางจากกลุ่มสถาบันเกษตรกรและ กยท. คิดเป็น ร้อยละ 57 ของจำนวนบริษัททั้งหมดที่เข้าร่วมการจับคู่เจรจาธุรกิจ สรุปผลเจรจาการสั่งจองยางหลายประเภท ได้แก่ น้ำยางข้น ยางเครปขาว ยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง 6.98 ตันต่อปี
การจัดกิจกรรมจับคู่ทางธุรกิจในครั้งนี้ ถือเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับเกษตรสถาบันเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร ได้เพิ่มทักษะในการเจรจาธุรกิจ เพิ่มช่องทางในการจำหน่ายและยอดขายยางแปรรูปของไทยไปยังต่างประเทศและรวมถึงกลุ่มประเทศตลาดใหม่ โดยมี กยท. ทำหน้าที่เป็นผู้ติดต่อขายยางให้แก่ผู้ซื้อทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้กลุ่มเกษตรกรผลิตยางพาราให้มีคุณภาพ เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าให้สูงขึ้น ทั้งนี้ ยังส่งผลให้ต่างประเทศทราบว่าประเทศไทยสามารถแปรรูปยางประเภทต่างๆ ที่มีคุณภาพดี และมีมาตรฐาน ซึ่งจะเป็นวัตถุดิบในการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ยางต่างๆ ได้ทั่วโลก”
Mr.Reza Ghasemian Business Owners Petro Kimya Iranian เปิดเผยว่า แต่ละปีบริษัทใช้ยางสังเคราะห์และยางธรรมชาติปีละ 3-5 พันตัน จากประเทศมาเลเซียเท่านั้น ไม่ทราบมาก่อนว่าประเทศไทยเป็นผู้ผลิตรายใหญ่เช่นกัน เพราะฉะนั้นงานนี้จะเป็นโอกาสดีที่จะมาเห็นกระบวนการผลิตยางพาราทั้งระบบ ต่อไปในอนาคตแน่นอนก็จะมาสั่งกับผู้ผลิตยางโดยตรงเชื่อว่าจะได้ผลิตภัณฑ์ราคาถูกและดีเช่นกัน
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) จะมีการกำหนดราคายางพาราแผ่นดิบ และยางแผ่นรมควันชั้น 3 ราคาเดียวทั้ง 6 ตลาดกลางยางพาราอาทิ 1. ตลาดกลางสงขลา 2. ตลาดกลางนครศรีธรรมราช 3. ตลาดกลางสุราษฎร์ธานี 4. ตลาดกลางยะลา 5. ตลาดกลางหนองคาย 6. ตลาดกลางบุรีรัมย์ โดยจะใช้ราคาอ้างอิงจากเกษตรกรเป็นฐานในวันนี้ (2 ก.ค.) วันแรก โดยคณะกรรมการราคากลางจะประกาศราคารับซื้อช่วงเช้าของทุกวัน
โดยนายไชยยศ สินเจริญกุล กรรมการบริหาร บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การกำหนดราคาขายยางพาราใน 6 ตลาดกลางยางพาราเป็นกลไกลใหม่ยังตอบไม่ได้ว่าจะดีหรือไม่อย่างไรแต่ต้องพิจารณาว่าราคาที่กยท.กำหนดอยู่ที่เท่าไร ถ้ากำหนดราคาขายสูงเกินไป ก็จะมีปัญหาในการส่งออกเพราะไทยไม่ใช่ประเทศเดียวที่เป็นผู้ผลิตยาง ดังนั้น อาจจะทำให้คู่ค้าหันไปซื้อประเทศอื่นแทนที่ราคาถูกกว่า หรือไม่อย่างไร