“พาณิชย์เร่งแก้ปัญหาราคาปาล์มตก กระตุ้นใช้ B20 ชี้ปัญหาหลักลานเทไม่เข้าระบบ-ลักลอบนำเข้า”

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จากกรณีที่นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ระบุข้อร้องเรียนจากเกษตรกรชาวสวนปาล์มในประเด็นราคาปาล์มตกต่ำ และมีทหารยึดปาล์มดิบที่นำไปขายที่ลานรับซื้อปาล์มจังหวัดสุราษฎร์ธานี กระทรวงพาณิชย์ขอชี้แจงว่า กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ได้ตระหนักถึงปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มโดยได้ดำเนินการแก้ไขปัญหามาเป็นลำดับ อาทิ การหาตลาดส่งออกน้ำมันปาล์มดิบเพื่อระบายผลผลิตส่วนเกินในประเทศ พิจารณาแนวทางให้ความช่วยเหลือด้านราคาปุ๋ยเพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกร ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ด่านสำคัญในภาคใต้ ร่วมกับฝ่ายความมั่นคงตรวจสอบและจับกุมการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์ม

รวมทั้งได้ประชุมคณะอนุกรรมการบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มด้านการตลาดเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2561 และมีมติให้เสนอคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติพิจารณาข้อเรียกร้องของเกษตรกรจังหวัดกระบี่ในประเด็นของการเพิ่มปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 10 บี 20 การใช้น้ำมันปาล์มดิบในการผลิตกระแสไฟฟ้าและปัญหาการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์ม

คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติได้ประชุมเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 และมีมติให้เร่งแก้ไขปัญหาราคาปาล์มตกต่ำ ดังนี้ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาทันต่อเหตุการณ์ ได้อนุมัติให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค นำน้ำมันปาล์มดิบไปใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า เป้าหมายการใช้น้ำมันปาล์มดิบ 160,000 ตันต่อปี เพื่อปรับสมดุลสต๊อกน้ำมันปาล์มให้เข้าสู่ระดับปกติโดยเร็ว โดยรัฐสนับสนุนต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากวงเงินงบกลาง 525 ล้านบาท ที่เสนอนายกรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้ว และอยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติต่อไป

ทั้งนี้ เป็นมาตรการเพิ่มเติมจากมาตรการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์ม ที่คณะกรรมการได้มีมติไว้แล้ว และให้กระทรวงพลังงานเร่งดำเนินมาตรการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 20 ทั้งในด้านของการประกาศมาตรฐานน้ำมันและการเพิ่มหัวจ่ายในสถานีบริการน้ำมัน เพื่อเป็นทางเลือกของประชาชน รวมทั้ง มอบหน่วยงานรับผิดชอบร่วมกับฝ่ายความมั่นคงเร่งรัดปราบปรามการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์ม ซึ่งเกษตรกรสามารถช่วยเหลือภาครัฐโดยร่วมสอดส่องและชี้เป้าผู้กระทำผิดด้วยอีกทางหนึ่ง

อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับประเด็นข้อร้องเรียนเรื่องทหารยึดปาล์มดิบของเกษตรกรที่ลานเทรับซื้อ ข้อเท็จจริงปรากฏว่ามาตรการดังกล่าวเป็นการดำเนินการนโยบายขับเคลื่อนปาล์มน้ำมันคุณภาพของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมติที่ประชุมร่วมของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย และดำเนินการเฉพาะปาล์มที่ไม่ได้คุณภาพตามข้อตกลงที่ซื้อขาย ณ โรงงานสกัดเท่านั้น ซึ่งปาล์มที่ไม่ได้คุณภาพจะนำไปแปรสภาพเป็นปุ๋ยแล้วจ่ายคืนให้แก่เจ้าของปาล์มต่อไป เพื่อป้องกันมิให้ปาล์มดิบหรือปาล์มที่ไม่ได้คุณภาพเข้ามาในระบบการซื้อขายอีก

ซึ่งมาตรการดังกล่าวส่งผลให้อัตราการสกัดน้ำมันของโรงสกัดน้ำมันในจังหวัดสุราษฎร์ธานีสูงขึ้นมากกว่า 18% ราคารับซื้อผลปาล์มน้ำมันอยู่ที่กิโลกรัมละ 3.30-3.60 บาท เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นจากระบบเดิมประมาณตันละ 200 ถึง 300 บาท อย่างไรก็ตามได้มีตัวแทนของสมาคมลานเท เสนอขอให้ชะลอการใช้มาตรการออกไประยะหนึ่งเพื่อให้ผู้ประกอบการลานเทปรับตัว