“กฤษฎา” เบรกม็อบ กฟก. เเจงไม่ซื้อหนี้สินให้ทุกราย

นายกฤษฏา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าปัจจุบันอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเฉพาะกิจ (กฟก.) ที่ตนเป็นประธานหมดระยะเวลาลงแล้วตามที่คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้ปฏิบัติงาน 180 วัน โดยให้แก้ไขหนี้สินเกษตรกรอย่างเร่งด่วน อีกทั้งได้เสนอแนวทางการปรับปรุงการบริหารงานของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) จากที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ตรวจสอบการทำงานของ กฟก. ในปี 2542-2556 แล้วพบความไม่เหมาะสมหลายประการ โดยเฉพาะในกรณีการไปซื้อหนี้เกษตรกรนอกเกณฑ์ ที่ไม่ตรงเงื่อนไขระเบียบของ กฟก. ที่กำหนดว่า เป็นหนี้เกิดการจากภาคเกษตรมูลหนี้ไม่เกิน 2.5 ล้านบาทต่อราย รวมทั้งต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันหนี้ด้วย

“การทำงานของ กฟก.ชุดเฉพาะกิจที่ผ่านมานั้นได้เร่งทบทวนจำนวนเกษตรกรสมาชิกของ กฟก. พบว่ามีกว่า 6.7 ล้านราย แต่ที่ประสงค์ให้ กฟก.แก้ไขปัญหาหนี้สินให้กว่า 4.5 แสนราย มูลหนี้กว่า 8 หมื่นล้านบาทได้พิจารณาหลักเกณฑ์ระเบียบที่ กฟก.สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ 5.5 หมื่นราย ซึ่งมติ ครม.เมื่อวันที่ 2 ต.ค.มีมติพิจารณาแก้ปัญหาหนี้สินลูกหนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) 3.6 หมื่นราย ทั้งนี้ยังมีเกษตรกรอีก 4.2 พันราย ที่อยู่ในระหว่างถูกเจ้าหนี้ฟ้องศาลและอยู่ระหว่างการบังคับคดีทาง กฟก.เฉพาะกิจได้ประสานงานกับเจ้าหนี้ให้ชะลอการฟ้องร้องและประสานกรมบังคับคดี ให้ชะลอการบังคับคดีออกไป ซึ่งเจ้าหนี้บางรายยินยอมชะลอให้ได้ 100 กว่าราย อีก 4 พันกว่ารายเป็นไปตามขั้นตอนของกฏหมาย” นายกฤษฏา กล่าว

สำหรับ​กลุ่มเกษตรกรที่มาชุมนุมเรียกร้องหน้ากระทรวงเกษตรฯ ต้องการให้ กฟก.ดำเนินการช่วยเหลือซื้อหนี้โดยให้ปฏิบัติตามมติ ครม.ปี 2553 ซึ่งจะให้กระทรวงเกษตรฯเจรจากับธนาคารและสหกรณ์ที่เป็นเจ้าหนี้ให้ตัดเงินต้นร้อยละ 50 พร้อมดอกเบี้ยทิ้งส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งให้ กฟก.ซื้อหนี้มาซึ่งเกษตรกรจะผ่อนชำระกับกฟก. แต่ด้วยระเบียบการเงินการคลัง ซึ่งดูแลโดยธนาคารแห่งประเทศไทยประกอบกับข้อเสนอแนะจาก สตง.ระบุว่า ทาง กฟก.ไม่สามารถเข้าไปซื้อหนี้นอกเกณฑ์ได้ รวมถึงได้สรุปผลการตรวจสอบการปฏิบัติตามมติครม. ปี 2553 แล้วว่ามีกรณีที่ทำไม่ถูกต้อง ดังนั้นจึงขอให้เกษตรกรเข้าใจถึงเหตุผลที่กระทรวงเกษตรฯในฐานะคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯ เฉพาะกิจ จึงไม่สามารถแก้ไขโดยการซื้อหนี้สินตามข้อเรียกร้องของเกษตรกรบางกลุ่มได้

“ทางกระทรวงเกษตรฯ เห็นใจพี่น้องเกษตรกรเป็นอย่างยิ่ง ต้องการจะช่วยเหลือในแนวทางที่ทำได้ โดยเป็นคนกลางในการเจรจาให้เจ้าหนี้กับลูกหนี้มาพบกันเพื่อปรับปรุงโครงสร้างหนี้เป็นรายๆ ไป ทั้งนี้เกษตรกรกรที่เป็นหนี้ต้องไปแสดงตนกับธนาคารและสหกรณ์เจ้าหนี้เพื่อเข้าสู่กระบวนการเจรจา โดยเจ้าหนี้ทั้งหมดได้ยืนยันมาว่าจะไม่เอาเปรียบเกษตรกรอย่างแน่นอน มีระเบียบในการยุติหนี้ในบางกรณี ได้แก่ ชราภาพ ผู้พิการ ผู้ป่วยที่ประกอบอาชีพไม่ได้ ผู้เสียชีวิตไปแล้วญาติต้องไปแจ้งทางเจ้าหนี้ซึ่งมีระเบียบยกหนี้ให้เลย หากเข้ากระบวนการเจรจาเแล้วรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมให้มาประสานกับ กฟก.อีกครั้ง สำหรับคณะกรรมการ​ชุดเฉพาะกิจที่ รมว.เกษตรฯ​ เป็นประธานสิ้นสุดวาระแล้ววันนี้ ดังนั้น​อำนาจหน้าที่การจัดการหนี้สินเกษตรกรจะกลับไปเป็นของ กฟก.​ ดังเดิมซึ่งจะมีการเลือกตั้งคณะกรรมการ กฟก. ขึ้นมาใหม่เกษตรกรเป็นสมาชิกมีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งโดยสรุปผลการดำเนินงานของ กฟก. เฉพาะกิจรายงานให้ ครม. รับทราบแล้ว” นายกฤษฏา กล่าว

สำหรับเครือข่ายหนี้สินเกษตรกรภาคกลาง ราว 150 คน ยังคงชุมนุมอยู่หน้ากระทรวงเกษตรฯ แม้ว่าเจ้าหน้าที่ กฟก.ได้ไปชี้แจงทำความเข้าใจเรื่องเงื่อนไขแก้หนี้ของ กฟก.แล้ว อีกทั้งยังมีสหพันธ์เครือข่ายเกษตรกรแห่งประเทศไทยที่ระบุว่ากลุ่มเกษตรกรจะเดินทางมาชุมนุมในกรุงเทพมหานครเพื่อเรียกร้องให้ กฟก.เข้าซื้อหนี้เกษตรกรไปบริหารเองภายใน 15 พฤศจิกายนนี้