ป.ป.ช.สาวย้อนหลังปมเหมืองอัคราฯก่อนขึ้นศาลโลก

กระทรวงอุตฯยื่นหลักฐานถึงมือ “อนุญาโตตุลาการ” 2 พ.ย. แง้ม “ป.ป.ช.” จ่อสาวหาตัวผู้เซ็นอนุญาตบ่อเก็บกากแร่ย้อนหลัง 15 ปีก่อน”คิงส์เกตฯ” เตรียมเข้าสู่กระบวนการสืบพยานหลักฐาน กรณีปิดเหมืองทอง ผิดข้อตกลง TAFTA บ่อรั่ว คาดอีก1 ปี ขึ้นศาลนัดแรก พ.ย. 2562 

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานความคืบหน้า กรณีบริษัท คิงส์เกตคอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด บริษัทแม่ของอัคราฯ ได้ยื่นคำเสนอข้อพิพาท (statement of claim) รัฐบาลไทย ออกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 72/2559 เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2559 ระงับการอนุญาตให้ประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำ ส่งผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจโดยอาศัยความตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) ว่า ขณะนี้ทางกระทรวงอุตสาหกรรมได้รวบรวมข้อมูลเอกสารข้อเท็จจริงยื่นแก้คำฟ้อง (statement of defence) ยื่นต่ออนุญาโตตุลาการไปเมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา

โดยเบื้องต้นได้มีการเสนอผลการศึกษาชุด ผศ.ดร.ธนพล เพ็ญรัตน์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และคณะ ที่ศึกษาของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหา ข้อขัดแย้งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพจากการทำเหมืองแร่ทองคำของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ที่มีมติว่า “บ่อกักเก็บกากแร่ที่ 1 (TSF1) ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส บริษัทลูกคิงส์เกตฯ มีการรั่วซึม” เชื่อเป็นสาเหตุการแพร่กระจายของโลหะหนัก เพิ่มเติมจากโลหะหนักที่อาจเกิดอยู่แล้วตามธรรมชาติไปด้วย

ด้านนายพสุ โลหารชุน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ กล่าวว่า ทางกระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินการตามขั้นตอน โดยยื่นเอกสารที่เกี่ยวข้องให้กับทางอนุญาโตตุลาการ ที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้ตั้งขึ้นจนครบเรียบร้อยทั้งหมดแล้ว จากนี้เป็นขั้นตอนที่ทางอนุญาโตตุลาการจะพิจารณาต่อไป

ล่าสุดมีรายงานข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรมว่า มีความเป็นไปได้ว่าขณะนี้ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมรวบรวมข้อมูลและขอให้ทางกระทรวงอุตสาหกรรมชี้แจงและนำเอกสารการอนุมัติอนุญาตแบบก่อสร้างบ่อกักเก็บกากแร่ที่ 1 (TSF1) ย้อนหลังไปว่า ในขณะนั้นมีหน่วยงานใด หรือผู้ใดเป็นผู้เซ็นอนุมัติ เนื่องจากผลการตรวจสอบบ่อดังกล่าวพบว่ามีการรั่วซึม แม้จะเป็นการย้อนกลับไปดูข้อมูลเมื่อ 14-15 ปีก่อน แต่ก็อาจเป็นหลักฐานชิ้นใหม่ที่อาจมีผลต่อการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ

ด้านนายเชิดศักดิ์ อรรถอารุณ ผู้จัดการฝ่าย ประสานกิจการภายนอก บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างตั้งทนายเรียบร้อยแล้วนั้น ได้ส่งข้อมูลทุกอย่างให้กับทางอนุญาโตตุลาการจนครบ จากนี้ทางอนุญาโตตุลาการจะเข้าสู่กระบวนการสืบหลักฐานและพยาน รวมถึงเรียกดูหลักฐานจากทั้ง 2 ฝ่ายไปจนกว่าจะครบ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาอีก 1 ปี โดยคาดว่าจะมีขึ้นศาลโลกนัดแรกในเดือน พ.ย. 2562 ซึ่งเป็นไปตามคำเรียก ส่วนในระหว่างนี้ทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่มีการพบหรือเจรจานอกรอบอะไรกันทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม ในส่วนของบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด บริษัทแม่ของอัคราฯเอง ยังคงยืนยันที่จะเจรจาประนีประนอมกับทางรัฐบาลไทยเช่นเดิม

“ตอนนี้เราก็เพียงรอว่าอนุญาโตตุลาการจะเรียกเราเมื่อไร และยังไม่มีการเจรจานอกรอบกัน แต่ทางเรายังยืนยันที่จะเจรจา ส่วนทางรัฐบาลไทยจะส่งข้อมูลอะไรหาหลักฐานหรือทำอะไรเพิ่มเติมอีกก็เป็นสิทธิ์ที่ต่างฝ่ายทำได้”