คลายกังวลคว่ำบาตรอิหร่าน
ปัจจัยสำคัญที่กดดันให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับขึ้นเป็นผลจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการที่สหรัฐประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่ในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2561 จะส่งผลทำให้ซัพพลายน้ำมันดิบในตลาดโลกหายไปเฉลี่ย 2 ล้านบาร์เรล/วัน แต่ทว่าภายหลังจากสถานการณ์ตึงเครียดขึ้นกลับปรากฏ สหรัฐผ่อนปรนให้ผู้นำเข้าบางประเทศยังสามารถนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านได้ ประกอบกับผู้ผลิตหลายประเทศทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกได้เพิ่มกำลังการผลิต จึงทำให้ความกังวลต่อปัญหาซัพพลายน้ำมันดิบลดลง
ซัพพลายล้น-กำลังซื้อวูบ
โค้งสุดท้ายของปี 2562 คาดว่า ราคาน้ำมันดิบจะอยู่ในกรอบ 43-57 เหรียญ/บาร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบ ICE Brent จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 52-57 เหรียญ/บาร์เรล และน้ำมันดิบ NYMEX WTI อยู่ในกรอบ 43-48 เหรียญ/บาร์เรล ราคาน้ำมันดิบ Dubai จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 51.5-56.5 เหรียญ/บาร์เรล โดยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ เป็นผลจากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลก สงครามการค้า อัตราแลกเปลี่ยนและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่มีแนวโน้มจะปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปีหน้า อีกทั้งยอดขายรถยนต์ในจีนหดตัว 10.0% จากปีก่อน ถือว่าต่ำสุดในรอบเกือบ 7 ปี ซึ่งอาจส่งผลต่อกำลังซื้อและการใช้น้ำมัน
ส่วนแนวโน้มราคาน้ำมันในปี 2562 นั้น ประเด็น “สงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ” ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลเชื่อมโยงกับการค้าโลก แม้ว่าทั้งสองประเทศจะบรรลุข้อตกลงว่าจะสงบศึกกันชั่วคราวประมาณ 90 วัน จนถึงเดือนมีนาคม 2562 เพื่อเปิดช่องให้มีการเจรจา แต่ยังมีหลายฝ่ายคาดว่าการเจรจาไม่น่าจะประสบความสำเร็จ ประกอบกับภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาการเกิด government shutdown ครั้งที่ 3 ของสหรัฐ ซึ่งอาจจะมีเชื่อมโยงให้
อุปสงค์น้ำมันอ่อนแอ ขณะที่ภาวะการผลิตน้ำมันยังคงล้นตลาด ซึ่งขึ้นอยู่กับการปรับสมดุลการผลิตน้ำมันของประเทศ OPEC และ nonOPEC ว่าจะพิจารณา “ขยาย” ระยะเวลา การบังคับใช้ข้อตกลงในการลดการผลิตน้ำมันออกไปหรือไม่จากเดิมที่จะสิ้นสุดในเดือน มิ.ย. 2562 ออกไปหรือไม่ เพราะข้อตกลงดังกล่าวมีผลให้ซัพพลายน้ำมันในตลาดโลกหายไปราว 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยกลุ่ม OPEC จะมีการประชุมเกี่ยวกับนโยบายการผลิตน้ำมันครั้งต่อไปในเดือนเมษายน 2562
ซีอีโอ ปตท.-บางจาก
ด้าน นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี 2562 คาดการณ์แนวโน้มราคาน้ำมันจะยังผันผวนค่อนข้างสูงเนื่องจากมีแรงกดดันต่อเนื่อง
จากสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ (trade war) ประกอบกับความเสี่ยงจากกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (เชลออยล์)กลุ่มโอเปกเร่งขายน้ำมันล่วงหน้า อาทิสหรัฐขายล่วงหน้าค่อนข้างมาก ดังนั้น ปีหน้าจึงต้องจับตาสถานการณ์โลกมากพอสมควร
อย่างไรก็ดี ประเมินว่า ราคาน้ำมันจะขึ้นลงอยู่ในกรอบ 60-65 เหรียญ/บาร์เรล ทั้งนี้ ช่วงนี้ราคาน้ำมันมีความผันผวนมากหากเทียบกับช่วงที่ผ่านมา ซึ่งช่องว่างในการขึ้นลงสูงขึ้นจากก่อนหน้าบวกลบที่ 5 เหรียญ/บาร์เรล เพิ่มขึ้นเป็นบวกลบอยู่ในกรอบ 20 เหรียญ/บาร์เรล
“ปีหน้าสงครามการค้าจีน-สหรัฐจะกดดันราคาน้ำมันมากพอสมควร ยังต้องจับตามองปัจจัยเศรษฐกิจและการค้าโลกเป็นสำคัญ เพราะยังมีความแปรปรวนค่อนข้างหนัก โดยเฉพาะจากกลุ่มผู้นำโอเปกที่มีการขายล่วงหน้าเยอะมาก นั่นคือความเสี่ยง ปัญหาเทรดวอร์จะเป็นแรงกดดันอุปสงค์ แต่อย่างไรก็ตามบางจากยืนยันว่า จะพยายามตรึงราคาน้ำมันเพื่อไม่ให้กระทบผู้บริโภคให้มากที่สุด”
สอดคล้องกับ นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มองว่า แนวโน้มราคาน้ำมันในปีหน้ายังคงผันผวนคาดว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกน่าจะเฉลี่ยที่ 50-65 เหรียญ/บาร์เรล โดยจะต้องติดตามปัจจัยแนวโน้มของต้นทุนอนาคตของการผลิตไฟฟ้าในกลุ่มอุตสาหกรรม ภายหลังจากกรณีที่บริษัท ปตท.สผ. ชนะการประมูลสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในแหล่งเอราวัณและบงกช ซึ่งคาดว่าจะมีผลต่อต้นทุนลดลงจากการเสนอราคาที่ต่ำ