Beijing Expo”19 คึกคัก “Thailand Pavilion” ดูดผู้ชม 4 แสนคน

งานแสดงพืชพรรณระดับโลก “The International Horticultural Exhibition 2019” หรือ “Beijing Expo 2019” จัดขึ้นในเขตเหยียนชิ่ง กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน มีผู้เข้าร่วมกว่า 80 ประเทศ 20 องค์กร บนพื้นที่ 6,000 ไร่ รัฐบาลจีนคาดการณ์ว่าในระยะเวลาจัดงานกว่า 6 เดือน นับตั้งแต่ 29 เมษายน-7 ตุลาคม 2562 จะมีผู้เข้าชมงานนี้มากถึง 16 ล้านคน

“นายกฤษฎา บุญราช” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า รัฐบาลไทยได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำนิทรรศการส่วน Thailand Pavilion บนพื้นที่ 1,600 ตารางเมตร ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กรมศิลปากร จัดทำบ้านทรงไทยและสวนแบบไทย พร้อมนิทรรศการแสดงผลิตภัณฑ์เผยแพร่เรื่องราว การท่องเที่ยว และวัฒนธรรมของประเทศไทย

สำหรับการจัดนิทรรศการผลิตภัณฑ์แปรรูป และนิทรรศการหมุนเวียนจะหมุนเวียนเป็นช่วง แบ่งเป็น 1.กล้วยไม้และไม้ประดับ 2.ทุเรียน การจัดให้ชิมทุเรียน และมาตรฐานการผลิตทุเรียน 3.การแนะนำข้อมูลและคุณประโยชน์ทางโภชนาการของผลไม้ไทย อาทิ มังคุด ทุเรียน ลำไย มะม่วงน้ำดอกไม้ ขนุน สัปปะรด กล้วย มะละกอ 4.พืชผัก และสมุนไพร พร้อมการนวดแผนไทย 5.ผลไม้จำพวกมะพร้าว และมะม่วง พร้อมแนะนำตลาด 6.ผลิตภัณฑ์กล้วยไม้แปรรูป เครื่องประดับกล้วยไม้ และกล้วยไม้ในโหลแก้ว

นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากการเกษตรเป็นขนม และอาหารไทย เช่น ขนมจากมะพร้าว ข้าวเหนียวมะม่วง และจัดให้ศูนย์บริการข้อมูลสำหรับต่างชาติผู้เข้าชมพาวิเลียน พร้อมทั้งช่องทางการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์อีกด้วย

ไฮไลต์โดดเด่นปีนี้คือ สินค้า ทุเรียน และมะพร้าว เนื่องจากจีนเป็นตลาดส่งออกผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดของเกษตรกรไทย จากข้อมูลจากศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร ระบุว่า ช่วงไตรมาส 1 (มกราคม-มีนาคม) 2562 ประเทศไทยส่งออกผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้งไปยังประเทศจีน มีมูลค่า 9,409 ล้านบาท แบ่งเป็นผลไม้สด 7,478 ล้านบาท จากมูลค่านำเข้าทั้งสิ้น 200,000 ล้านบาท

นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เล่าว่า สินค้าเกษตรของไทย โดยเฉพาะผลไม้สดเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมมากในประเทศจีน แต่ที่ผ่านมาการค้าขายระหว่างไทยกับจีนยังมุ่งเน้นอยู่เพียงในมณฑลหลักของจีน ในโอกาสการจัดงานในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสนำสินค้าให้ชาวจีนได้รู้จักมากขึ้น โดยในปีนี้กรมมีแนวทางจะขยายการค้าไปสู่มณฑลรองในประเทศจีน และการจัดงานครั้งนี้มีประชาชนจากทั่วประเทศจีนให้ความสนใจจะสามารถต่อยอดไปสู่การขายได้

โดยผ่านช่องทางการซื้อขายที่เตรียมไว้ ทั้งทางอีคอมเมิร์ซ ผ่าน Alibaba และล่าสุดการทำการตลาดผ่านแพลตฟอร์ม Seven Fresh ของ JD.com ซึ่งเป็นที่แพลตฟอร์มที่เป็นที่นิยม ปรากฏว่าสินค้าไทย ทั้งทุเรียน มังคุด มะพร้าว รวมถึงกุ้งแช่แข็งกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก สามารถเจาะตลาดกลุ่มตลาดกลางถึงบนซึ่งเน้นสินค้าคุณภาพดี ราคาสูง

“ผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่น ได้แก่ มังคุด มะพร้าว และทุเรียน โดยพยายามนำมะม่วงมาประชาสัมพันธ์มากขึ้น นอกจากนี้ยังผลักดันผลไม้แปรรูป ทั้งรูปแบบทอดกรอบ น้ำผลไม้ รวมถึงการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น ขนมเค้ก ข้าวต้มมัด และขนมและอาหารพร้อมทาน ready to eat คาดว่าจะได้รับความนิยมในตลาดจีนอย่างมาก เช่น ต้มยำกุ้งซึ่งเป็นเครื่องแกงยอดนิยมที่ชาวจีนสามารถนำไปประยุกต์ทำเป็นน้ำซุปสุกี้หม้อไฟได้”

ในปี 2561 ไทยส่งออกสินค้ามายังตลาดจีน มูลค่ากว่า 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนไตรมาสแรกของปี 2562 ส่งออก มูลค่า 6,600 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยสินค้าส่งออกหลักคือ ผลไม้สด นอกจากนี้จากการสำรวจตลาดกลางสินค้าเกษตรซินฟาตี้ พบว่า เป็นผลไม้ที่นำเข้าจากประเทศไทยมากถึง 30% ซึ่งตลาดกลางดังกล่าวจะเป็นที่รวบรวมสินค้าทางการเกษตรทั้งจากมณฑลต่าง ๆ ของจีนและประเทศอื่น ๆ จากนั้นจะกระจายสินค้าไปยังห้างสรรพสินค้าและตลาดต่าง ๆ

“ปัจจุบันไทยมีสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศในจีน 8 เมืองหลัก แต่ละแห่งมีแผนส่งเสริมด้านอาหารเป็นหลัก และตั้งเป้าต่อยอดไปถึงการท่องเที่ยว โดยจะมีการประสานงานร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อย่างสม่ำเสมอ ดูทิศทางตลาดในแต่ละพื้นที่ ด้วยแนวทางการตลาดนำการผลิต เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ตลาดได้สมบูรณ์”

ทั้งนี้ จากการเยี่ยมชมงานของ “ประชาชาติธุรกิจ” พบว่า ชาวจีนให้ความสนใจต่อนิทรรศการในส่วน Thailand Pavilion อย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย โดยกรมส่งเสริมการเกษตรคาดการณ์ว่าเมื่อสิ้นสุดงานจะมีผู้เข้าชม Thailand Pavilion ราว 300,000-400,000 คน นับได้ว่าเป็นการประชาสัมพันธ์ครั้งใหญ่ในการบุกตลาดจีน ผ่านการนำเสนอสินค้าทางการเกษตรที่พ่วงด้วยวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว เพื่อดึงดูดกำลังซื้อสู่และการท่องเที่ยวประเทศไทย