วีรศักดิ์ นำคณะกรมเจรจราฯ ลงพื้นที่ภูเก็ต ชี้ช่องทางสินค้าประมงหนุนใช้สิทธิ์ FTA ขยายตลาดส่งออก หวังกู้วิกฤตโควิด-19
วันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวระหว่างการนำคณะกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ลงพื้นที่อินทร ฟาร์ม จังหวัดภูเก็ต ระหว่างวันที่ 2-3 พฤศจิกายน 2563 ว่า เพื่อต้องการหารือผู้ประกอบการ เกษตรกรผู้เลี้ยงกระชังปลา ที่เพาะเลี้ยงกุ้งมังกรเจ็ดสี ปลาแซลมอลดำ และหอยมุก พัฒนาสินค้าประมงให้มีมูลค่าสูง เพื่อนำมาใช้ช่องทาง FTA ในการส่งออก การค้าในตลาดพรีเมียมทั้งในและต่างประเทศ
- กรุงไทย เตือนลูกค้าอัพเดต Android เวอร์ชั่นล่าสุด ก่อนใช้แอปไม่ได้
- มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล เปิดชื่อผู้ถือหุ้น-ผลประกอบการ
- เปิด 20 อันดับมหาวิทยาลัย ที่โดดเด่นด้านวิศวกรรมศาสตร์
“การลงพื้นที่ครั้งนี้ ถือว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจ เพราะสามารถนำช่องทาง FTA เข้ามาช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการในการเพิ่มศักยภาพทางการค้า การส่งออก และช่วยบรรเทาความเดือดร้อนเศรษฐกิจของภูเก็ตจากสถานการณ์โควิด-19 โดยการผลักดันสินค้าประมงที่จังหวัดมีจุดแข็งที่มีการแข่งขันสูงอยู่แล้ว โดยเล็งเห็นว่า กุ้งมังกรเจ็ดสี ปลาแซลมอลดำ และหอยมุก จะเป็นพระเอกให้กับจังหวัดได้ เนื่องจากภูเก็ตมีศักยภาพในการเพาะเลี้ยง”
นอกจากนี้ การลงพื้นที่ยังได้หารือกับส่วนราชการในจังหวัด ผู้แทนสภาเกษตรกรแห่งชาติ เกษตรกร และผู้ประกอบการธุรกิจประมง เพื่อร่วมวางแนวทางทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ เกษตรกร และภาคเอกชน เพื่อส่งเสริมการตลาดของสินค้าประมงเหล่านี้ โดยเฉพาะตลาดพรี่เมี่ยมทั้งในและในต่างประเทศ ตลอดจนการใช้ประโยชน์จาก FTA เพื่อสร้างแต้มต่อในการส่งออกสินค้าศักยภาพของไทยในตลาดคู่ FTA”
ทั้งนี้ ปัจจุบันประเทศคู่ FTA 15 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน 9 ประเทศ จีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี เปรู และฮ่องกง ได้ยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าประมงและผลิตภัณฑ์อาหารทะเลทุกรายการให้ไทยแล้ว เหลือเพียง 3 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดีย ที่ยังคงเก็บภาษีนำเข้าประมงและผลิตภัณฑ์อาหารทะเลบางรายการจากไทย.
ไทยส่งออกสินค้าประมง ในช่วง 9 เดือนแรก (มกราคม-กันยายน) ของปี 2563 เป็นมูลค่า 1,152 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ร้อยละ 13 ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน สหรัฐอเมริกา อาเซียน และเกาหลีใต้ และส่งออก ผลิตภัณฑ์อาหารทะเล ในช่วง 9 เดือนแรก (มกราคม-กันยายน) ของปี 2563 เป็นมูลค่า 2,934.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ร้อยละ 5 ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย แคนาดา และอาเซียน
