พาณิชย์สั่งตรวจสอบการจำหน่าย “น้ำมันปาล์มขวด”

ภาพ:มติชนออนไลน์

พาณิชย์มั่นใจ สต๊อกน้ำมันปาล์มขวดขาดตลาดแค่ช่วงสั้น คาดเดือนหน้าสถานการณ์คลี่คลาย เร่งประสานผู้ผลิตตรึงราคาหลังต้นทุนผลปาล์มทะลุ กก.ละ 7 บาท พร้อมคุมเข้ม “ด่านนำเข้า-ส่งออก” สกัดลักลอบนำเข้าปาล์มเพื่อนบ้านฟันส่วนต่างราคา

จากกรณีที่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ห้างค้าปลีกแจ้งว่าไม่มีสต๊อกและได้จำกัดปริมาณการขายน้ำมันปาล์มบรรจุขวด สาเหตุจากเข้าสู่ช่วงรอยต่อฤดูการผลิต โดยคาดว่าผลผลิตรอบใหม่จะเข้าสู่ตลาดในเดือนมีนาคม 2564 จึงทำให้สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบลดลงเหลือเพียง 1.4 แสนตัน และราคาจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มขึ้นเป็น กก.ละ 39 บาท ซึ่งคิดเป็นราคาผลปาล์ม กก.ละ 7 บาท

ล่าสุด นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาวะราคาผลปาล์มน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นเป็น กก.ละ 7.50 บาท ทำให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบในแหล่งผลิตขยับสูงขึ้นเป็น กก.ละ 39.00 บาท มีผลต่อเนื่องให้ราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดในท้องตลาดปรับตัวสูงขึ้น เป็นลิตรละ 44-46 บาทนั้น เป็นเพียงสถานการณ์ระยะสั้นที่จะเกิดขึ้นในช่วงนี้ โดยคาดว่าผลผลิตจะออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นและกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ในเดือนมีนาคม 2564

วัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน
วัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน

ซึ่งทางกรมมอบหมายให้ค้าภายในจังหวัดติดตามสถานการณ์การจำหน่ายน้ำมันปาล์มบรรจุขวดอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้ขาดตลาด และหากพบการฉวยโอกาสปรับราคา ให้ดำเนินคดีอย่างเฉียบขาดทันที รวมถึงให้ดูแลติดตามการลักลอบค้าน้ำมันปาล์มดิบด้วย

แต่อย่างไรก็ตาม อีกด้านหนึ่งการที่ราคาผลปาล์มน้ำมันปรับขึ้นก็เป็นโอกาสให้กับเกษตรกรชาวสวนปาล์มได้มีรายได้เพิ่ม จากที่เคยขายได้ กก.ละ 3.00-3.50 บาท ในช่วงกลางปี 2563 ก็ได้ราคา กก.ละ 7.00 บาท นับจากปลายปี และจนถึงในปัจจุบัน กก.ละ 7.30 บาท ถือเป็นโอกาสของชาวสวนปาล์มที่จะมีรายได้จากการขายผลผลิตเพิ่มขึ้น

“กรณีที่น้ำมันปาล์มขวดขาดตลาดช่วงนี้เป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น โดยขณะนี้ผลปาล์มน้ำมันกำลังออกสู่ตลาดแล้ว และเชื่อว่าผลผลิตปาล์มน้ำมันจะเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว ทิศทางราคาผลปาล์มน้ำมันในช่วงนี้ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อน้ำมันปาล์มบรรจุขวดที่ผู้บริโภค และโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้น้ำมันปาล์มเป็นวัตถุดิบ”

“อย่างไรก็ดี กรมจะประสานผู้ผลิตและผู้ค้าส่ง ค้าปลีก ตรึงราคาน้ำมันปาล์มขวดไว้ในระดับที่ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคให้นานที่สุด ส่วนการใช้มาตรการชดเชยค่าขนส่ง กก.ละ 2 บาท เพื่อสนับสนุนการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบนั้น ไม่มีผู้ส่งออกยื่นเสนอขอมา เนื่องจากราคาน้ำมันปาล์มดิบในประเทศสูงกว่าต่างประเทศ”

อย่างไรก็ตาม ขอให้ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนไปใช้น้ำมันทางเลือกอื่น เช่น น้ำมัน ถั่วเหลือง และน้ำมันหมู ทดแทนชั่วคราวจนกว่าผลปาล์มจะออก

แหล่งข่าวจากคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมการค้าต่างประเทศได้มีการติดตามดูแลปัญหาเรื่องการลักลอบน้ำมันปาล์มดิบจากต่างประเทศ ตามที่ กนป.ได้มีมติให้มี “จำกัด” ด่านศุลกากรที่จะอนุญาตให้มีการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ ให้เหลือนำเข้าได้เพียงท่าเรือกรุงเทพ (คลองเตย)

และจำกัดด่านศุลกากรที่จะอนุญาตให้มีการนำเข้าน้ำมันปาล์มเพื่อนำผ่าน (transit) ไปยังประเทศเพื่อนบ้านจากเดิมที่นำเข้าได้ทุกด่าน ให้เหลือเพียงด่านเดียวที่ด่านท่าเรือกรุงเทพ (คลองเตย) พร้อมทั้งกำหนดด่านปลายทางสำหรับการนำผ่านน้ำมันปาล์มไปยังแต่ละประเทศ ดังนี้

1) ด่านจันทบุรี สำหรับการนำผ่านไปกัมพูชา

2) ด่านหนองคาย สำหรับการนำผ่านไป สปป.ลาว

และ 3) ด่านแม่สอดสำหรับการนำผ่านไปเมียนมา

ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศก็ติดตามร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันปัญหาการลักลอบ

ด้านนายพันศักดิ์ จิตรรัตน์ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ผลผลิตปาล์มน้ำมันขณะนี้ทยอยออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าเดือนมีนาคม 2564 จะออกมากที่สุด ซึ่งจะส่งผลให้ราคาผลปาล์มน้ำมันอ่อนตัวลงจากราคาปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 7.20-7.30 บาทต่อกิโลกรัม

ซึ่งเชื่อว่าราคาผลปาล์มน้ำมันจะเข้าสู่ภาวะปกติในเร็ว ๆ นี้ ราคาน้ำมันปาล์มดิบก็จะปรับตัวลงจากราคาปัจจุบันอยู่ที่ 38-39 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าราคาน้ำมันปาล์มดิบของมาเลเซียอยู่ที่ 20 บาทต่อกิโลกรัม

ทั้งนี้ การซื้อ-ขายผลปาล์มน้ำมันยังรับซื้อปกติ ไม่มีปัญหา และจากการติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันปาล์มดิบที่สูงขึ้น โดยมีความกังวลว่าจะมีการลักลอบนำเข้านั้นยังไม่พบปัญหานี้แต่อย่างไร แต่ทั้งนี้ก็ขอให้กรมการค้าภายในติดตามดูแลราคาน้ำมันปาล์มขวดอย่างใกล้ชิด การติดตามดูแลสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ เพื่อไม่ให้มีการฉวยโอกาสว่าน้ำมันปาล์มขวดแพง และนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจากต่างประเทศเพราะผลปาล์มน้ำมันกำลังออก เชื่อว่าจะมีเพียงพอต่อความต้องการในอุตสาหกรรม เพียงแต่รออีกระยะเท่านั้น