สกัดโควิดลามโรงงาน “ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม” ร่อนหนังสือถึงผู้ประกอบการทุกโรงงาน ตรวจประเมินตนเองผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ Thai Stop Covid Plus และ Thai Save Thai เริ่ม 3,304 โรงงานขนาดใหญ่เสร็จภายในวันที่ 15 มิ.ย.นี้ ที่เหลืออีก 3,100 โรง ต้องเสร็จสิ้นเดือน มิ.ย. รายใดฝืนเตรียมรับโทษทันที
วันที่ 7 มิถุนายน 2564 นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับมอบหมายจากที่ประชุม ศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ให้เป็นเจ้าภาพหลักขับเคลื่อนมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ในสถานประกอบกิจการโรงงาน ด้วยการประชาสัมพันธ์และขอความร่วมมือโรงงานกว่า 60,000 โรงทั่วประเทศ ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ในสถานประกอบกิจการโรงงาน (Good Factory Practice : GFP) ของสาธารณสุข
- ด่วน ! วอยซ์ ทีวี ประกาศปิดกิจการทุกแพลตฟอร์ม เลิกจ้าง 100 กว่าคน
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
โดยประเมินตนเองผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ Thai Stop Covid Plus ทุก 2 สัปดาห์ และให้พนักงานประเมินด้วย Thai Save Thai ก่อนเข้าปฏิบัติงาน ตั้งเป้าให้โรงงานทุกแห่งดำเนินการภายใน 30 มิถุนายนนี้
“ปัจจุบันพบผู้ติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนในแรงงานภาคอุตสาหกรรม ทำให้ต้องหยุดประกอบกิจการ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบกิจการโรงงาน และเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ ซึ่ง ศบค.ได้มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นเจ้าภาพในการควบคุมและป้องกันโรคโควิด-19 ในสถานประกอบกิจการโรงงาน ผมจึงสั่งการเร่งด่วนให้อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และอุตสาหกรรมจังหวัดทุกจังหวัด แจ้งขอความร่วมมือสถานประกอบการ ดำเนินการประเมินตนเองตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข
โดยใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ที่กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขได้พัฒนาขึ้น ได้แก่ Thai Stop Covid Plus ซึ่งเป็นข้อแนะนำทางด้านสาธารณสุข ในการป้องกันการแพร่ระบาด ประกอบด้วย มาตรการ/แนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ประกอบการ ผู้ปฏิบัติงาน และแนวทางการปฏิบัติกรณีพบผู้ติดเชื้อ ซึ่งผู้ประกอบการต้องประเมินตนเองอย่างน้อยทุก 2 สัปดาห์
ในส่วนของพนักงานทุกคน ต้องประเมินตนเอง โดยใช้แพลตฟอร์ม Thai Save Thai ซึ่งยกระดับการคัดกรองคนก่อนเข้าโรงงานอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันผู้มีความเสี่ยงไม่ให้เข้ามาปฏิบัติงานและแพร่เชื้อในสถานประกอบการ รวมทั้งการสนับสนุนให้พนักงาน สมัครใจเข้าร่วมโครงการ “ก้าวท้าใจ” ด้วยการออกกำลังกายในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้สุขภาพแข็งแรงและมีภูมิต้านทานโรค
โดยกระทรวงอุตสาหกรรมได้ส่งหนังสือด่วนที่สุดแจ้งไปยังผู้ประกอบการ และให้หน่วยงานในสังกัดทั้ง 3 ติดตามการดำเนินการของสถานประกอบการ ซึ่งตั้งเป้าหมายสำหรับโรงงานขนาดใหญ่ คนงานตั้งแต่ 200 คนขึ้นไป (จำนวน 3,304 โรง) ต้องทำการประเมินตนเองผ่านแพลตฟอร์ม Thai Stop Covid Plus และ Thai Save Thai ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 มิถุนายน 2564 และโรงงานทั้งหมด (ประมาณ 64,000 โรง) ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ซึ่งขณะนี้มีโรงงานเข้าสู่ระบบทำการประเมินแล้วประมาณ 20% เท่านั้น หากโรงงานใดไม่ให้ความร่วมมืออาจจะมีการพิจารณาบทลงโทษต่อไป ซึ่งอยู่ระหว่างประชุมหารือ”
ด้านนายเดชา จาตุธนานันนท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะหัวหน้าศูนย์บริหารสถานการณ์วิกฤต กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า ระบบดังกล่าวจะเป็นเช็กลิสต์ข้อแนะนำออนไลน์เพื่อให้ผู้ประกอบการและพนักงานทุกคนประเมินและจัดการความเสี่ยง โรงงานจะได้เรียนรู้วิธีการป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 การจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อม และมาตรการเสริมอื่น ๆ
รวมทั้งข้อแนะนำหากพบผู้ติดเชื้อต้องทำอย่างไร ตลอดจนคำแนะนำในการกักตัว เพื่อทำให้ทราบว่ามาตรการที่ดำเนินการอยู่ของแต่ละโรงงาน ผ่านหรือไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานของสาธารณสุข ประโยชน์ที่ผู้ประกอบการจะได้รับ คือการปรับตัวสู่การทำงานวิถีใหม่ (New Normal) เพื่อให้โรงงานปลอดโควิด พนักงานปลอดภัย ขณะที่ภาครัฐเองก็มีข้อมูลในการกำกับดูแล (Monitor) ซึ่งหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง จะแลกเปลี่ยนข้อมูลและใช้ประโยชน์ในข้อมูลร่วมกัน ทั้งกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงแรงงาน
ทั้งนี้ โรงงานที่ประเมินผ่านแฟลตฟอร์ม Thai Stop Covid Plus แล้ว มีคะแนนต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดจะมีทีมตรวจประเมินของรัฐเข้าไปช่วยเหลือ โดยกระทรวงจะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เช่น จังหวัด สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด และสาธารณสุขจังหวัด ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม เพื่อสนับสนุนโรงงานให้ผ่านเกณฑ์ต่อไป
อย่างไรก็ตาม หากพบพนักงานติดเชื้อโรงงาน จะต้องดำเนินการตรวจหาเชื้อเชิงรุก แยกผู้ติดเชื้อไปรักษาและผู้ใกล้ชิด ต้องกักตัว และหากโรงงานใดพบมีการติดเชื้อมากกว่า 10% จะคงยังใช้หลักการ Bubble & Seal (โรงงานจัดหาที่พักให้อยู่ในสถานที่ที่กำหนด และให้โรงงานจัดหาที่พักให้พนักงานอยู่ภายในโรงงาน เพื่อสามารถควบคุมโรคจนกว่าสถานการณ์การติดเชื้อกลับสู่ปกติ) และสั่งปิดโรงงานเพื่อควบคุมเชื้อโควิด-19 ไม่ให้ออกสู่สังคมภายนอก เช่นเดียวกับเคสที่ได้ดำเนินการที่ผ่านมา มั่นใจว่ามาตรการที่ ศบค.มอบหมายให้กระทรวงมาช่วยขับเคลื่อน จะสามารถลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในโรงงานอุตสาหกรรมได้