มนัญญา ตรวจแล็บสารตกค้างผักผลไม้ด่านเชียงของ

มนัญญา ตรวจแล็บตรวจแมลงศัตรูพืช และสารตกค้างในผักผลไม้ด่านเชียงของ ชี้ช่วยตรวจ-วิเคราะห์ ได้ทันที สะดวก รวดเร็วแก่ผู้ประกอบการ และสร้างความปลอดภัยให้กับผู้บริโภค

วันที่ 2 มีนาคม 2564 นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยหลังลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การค้าชายแดนเชียงของ จ.เชียงราย ว่า ตามที่ได้มอบนโยบายเร่งรัดการสร้างห้องปฏิบัติการ (ห้องเเล็บ)ตรวจวิเคราะห์แมลงศัตรูพืช และสารตกค้างในผักและผลไม้ที่นำเข้า – ส่งออกให้เบ็ดเสร็จที่ด่านเชียงของ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการและคู่ค้านั้น

ในปี 2564 ด่านตรวจพืชเชียงของได้รับงบประมาณจัดสรรเครื่องมือปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ พร้อมห้องปฏิบัติการ จำนวน 9,421,600 บาท ขณะนี้ได้สร้างแล้วเสร็จ และในปี 2565 ได้ของบสนับสนุนอาคารปฏิบัติการเพื่อความสะดวก รวดเร็ว ให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นอกจากจะเป็นการสร้างมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารแล้ว ยังสร้างความปลอดภัยให้กับผู้บริโภคทั้งประเทศต้นทางและปลายทางอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ในการตรวจหาสารต่างๆ เป็นหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)

ซึ่งปัญหาคือเมื่อตรวจพบสารที่เป็นอันตราย จะต้องนำไปตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์เชียงราย จึงอยากให้ดำเนินการขั้นตอนต่างๆ ที่ด่านเชียงของให้เบ็ดเสร็จ ลดความล่าช้าลงเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยจะกลับไปหารือกับกระทรวงสาธารณสุขอีกครั้ง

“เดิมด่านตรวจพืชเชียงของ ทำหน้าที่เก็บตัวอย่างไปตรวจสอบ แต่ปัญหาคือไม่มีห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์แมลงศัตรูพืช และสารตกค้างในผักและผลไม้ ตรวจได้เฉพาะโรคและแมลงศัตรูพืชเท่านั้น เมื่อสินค้ามาถึงจะต้องเก็บตัวอย่างส่งไปตรวจที่ห้องปฏิบัติการด่านตรวจพืชเชียงแสน

ซึ่งอยู่ห่างไป 40 กิโลเมตร ทำให้เสียเวลา พืชผักผลไม้เสื่อมสภาพ และไม่ทันกับปริมาณสินค้านำเข้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมาตรการต่าง ๆ ระหว่างประเทศที่เข้มข้นขึ้นจึงได้มอบนโยบายให้สร้างห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์แมลงศัตรูพืช และสารตกค้างในผักและผลไม้ที่ได้มาตรฐาน โดยสุ่มตัวอย่างตรวจศัตรูพืชเชิงลึก

จากนั้นนำไปวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการดังกล่าว เป็นการอำนวยความสะดวก รวดเร็ว และถูกต้องแม่นยำ มีประสิทธิภาพ ให้กับเจ้าหน้าที่ ผู้นำเข้า และสิ่งสำคัญที่สุดคือสุขอนามัยของผู้บริโภค ตลอดจน ขอชื่นชมกรมวิชาการเกษตรที่สามารถดำเนินงานตามนโยบายที่มอบไว้ ถือเป็นความความสำเร็จของภาคเกษตรไทย” มนัญญา กล่าว

ทั้งนี้ ด่านตรวจพืชเชียงของ สังกัดสำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีคู่ค้าที่สำคัญ ได้แก่ ประเทศจีน และ สปป.ลาว มีหน้าที่ควบคุม ตรวจสอบพืช ผลิตผลพืชและวัสดุการเกษตรที่นำเข้า และส่งออกตามตาม พ.ร.บ.กักพืช พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ร.บ.ปุ๋ย พ.ร.บ. พันธุ์พืช พ.ร.บ.ยาง และ พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช

กรมวิชาการเกษตร ได้รายงานผลการดำเนินงานการนำเข้าสินค้าเกษตรในช่วงปี 2564 ที่ผ่านมา ของด่านตรวจพืชเชียงของ มีปริมาณการนำเข้า 346,535.06 ตัน คิดเป็นมูลค่า 10,357.94 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปี พ.ศ. 2563 ลดลง 17.24% พืชนำเข้าที่มีการตรวจมากที่สุด คือ

องุ่น ผักกาดขาว ส้ม ผักตระกูลกะหล่ำ และพริกสด ตามลำดับ ในส่วนของการส่งออกสินค้าเกษตร ปี 2564 มีปริมาณการส่งออก 554,624.58 ตัน คิดเป็นมูลค่า 31,114.14 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2563 เพิ่มขึ้น 34.08% พืชส่งออกที่มีการตรวจมากที่สุด ได้แก่ ลำไยสด มังคุด ทุเรียน พริกสด และส้มโอ ตามลำดับ

นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมาเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) รัฐบาลจีน ได้มีประกาศปิดการเข้า – ออก ที่ด่านโม่ฮาน ชั่วคราว (ตั้งแต่ 5 ตุลาคม -16 พฤศจิกายน 2564) ส่งผลให้รถสินค้าทั้งเข้าและออกติดอยู่บริเวณ ชายแดนบ่อเต็น – โม่ฮาน จำนวนมาก ทำให้การจราจรติดขัด และการเปิดใช้เส้นทางรถไฟจีน – ลาว เมื่อวันที่ 4 – 7 ธันวาคม 2564

ส่งผลให้ผู้ประกอบการบางรายทดลองเปลี่ยนไปใช้เส้นทางเปิด ทางด่านฯ จึงได้ติดตามสถานการณ์การเปิด – ปิดด่านฯ จากทูตเกษตร และผู้นำเข้า – ส่งออกอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ส่งออกที่ต้องการนำสินค้ากลับเข้ามาในประเทศ และให้คำแนะนำ อำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนเส้นทาง และเข้มงวดในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน COVID-19 เช่น ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อทั้งสินค้า ตู้สินค้า ณ โรงคัดบรรจุ และจุดตรวจสินค้า อีกทั้ง ติดตามสถานการณ์ข่าวสารการทดลองใช้เส้นทางรถไฟจีน – ลาว จากทูตเกษตรและผู้ประกอบการอย่างใกล้ชิด