ถกบอร์ดคุรุสภา 2 มี.ค. ตั้ง กก.สืบ “ครูปรีชา” หลังศาลอนุมัติหมายจับ

เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ นายสมศักดิ์ ดลประสิทธิ์ รองเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคุรุสภา เปิดเผยถึงกรณีศาลอนุมัติหมายจับนายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนเทพมงคลรังษี จ.กาญจนบุรี และนางรัตนาพร สุธาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น ว่าขณะนี้ตนถือว่านายปรีชา ยังไม่มีโทษ เพราะศาลยังไม่ได้ตัดสิน แต่เมื่อปรากฏเป็นข่าวและสังคมวิพากษ์วิจารณ์กันมาก ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสื่อมเสียของวิชาชีพ ดังนั้น ในวันที่ 2 มีนาคมนี้ ตนจะหารือกับเจ้าหน้าที่ เพื่อรวบรวมข้อมูลว่าความผิดที่นายปรีชาถูกกล่าวหาว่าอยู่ในข่ายการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพครูหรือไม่ ถ้าอยู่ในข่ายประพฤติผิดจรรยาบรรณ ตาม พ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 ตนก็จะใช้อำนาจเลขาธิการคุรุสภาตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริง

“คุรุสภาไม่ดำเนินการตามกระแส จะยึดหลักกฎหมายของคุรุสภา ซึ่งตามขั้นตอนปกติ ถ้าครูหรือบุคลากรทางการศึกษาได้รับการกล่าวหา กล่าวโทษ ว่าทำผิดจรรยาบรรณวิชาชีพ เลขาธิการคุรุสภาจะต้องรายงานต่อคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ (กมว.) แต่ขณะนี้ไม่มี กมว.จึงเป็นอำนาจของเลขาธิการคุรุสภาในการตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริง และรายงานต่อคณะกรรมการคุรุสภา ซึ่งถ้าทำผิดจรรยาบรรณจริง ก็มีโทษตั้งแต่การตักเตือน ภาคทัณฑ์ พักใช้ และเพิกถอนใบอนุญาต แต่ในกรณีที่ถูกกล่าวหาอย่างนี้ ถ้าคดียังไม่สิ้นสุดเราก็ต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งนี้ ต้องเข้าใจว่าคดีไม่ได้สิ้นสุดที่ตำรวจ คดีสิ้นสุดที่ศาลตัดสิน และต้องแยกแยะระหว่างจรรยาบรรณกับเรื่องวินัย และคดีอาญาไม่เกี่ยวกัน แต่อาจเชื่อมความผิดตรงกันได้ ซึ่งกรณีนี้กรรมการสืบข้อเท็จจริงอาจจะสืบข้อมูลร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือหากหน่วยงานต้นสังกัดของครูปรีชาตั้งกรรมการสอบวินัย คุรุสภาก็จะไปทำงานคู่กัน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ตรงกัน” นายสมศักดิ์กล่าว

 

ที่มา : มติชนออนไลน์

matichon
2 minutes

เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ นายสมศักดิ์ ดลประสิทธิ์ รองเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคุรุสภา เปิดเผยถึงกรณีศาลอนุมัติหมายจับนายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนเทพมงคลรังษี จ.กาญจนบุรี และนางรัตนาพร สุธาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น ว่าขณะนี้ตนถือว่านายปรีชา ยังไม่มีโทษ เพราะศาลยังไม่ได้ตัดสิน แต่เมื่อปรากฏเป็นข่าวและสังคมวิพากษ์วิจารณ์กันมาก ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสื่อมเสียของวิชาชีพ ดังนั้น ในวันที่ 2 มีนาคมนี้ ตนจะหารือกับเจ้าหน้าที่ เพื่อรวบรวมข้อมูลว่าความผิดที่นายปรีชาถูกกล่าวหาว่าอยู่ในข่ายการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพครูหรือไม่ ถ้าอยู่ในข่ายประพฤติผิดจรรยาบรรณ ตาม พ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 ตนก็จะใช้อำนาจเลขาธิการคุรุสภาตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริง

“คุรุสภาไม่ดำเนินการตามกระแส จะยึดหลักกฎหมายของคุรุสภา ซึ่งตามขั้นตอนปกติ ถ้าครูหรือบุคลากรทางการศึกษาได้รับการกล่าวหา กล่าวโทษ ว่าทำผิดจรรยาบรรณวิชาชีพ เลขาธิการคุรุสภาจะต้องรายงานต่อคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ (กมว.) แต่ขณะนี้ไม่มี กมว.จึงเป็นอำนาจของเลขาธิการคุรุสภาในการตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริง และรายงานต่อคณะกรรมการคุรุสภา ซึ่งถ้าทำผิดจรรยาบรรณจริง ก็มีโทษตั้งแต่การตักเตือน ภาคทัณฑ์ พักใช้ และเพิกถอนใบอนุญาต แต่ในกรณีที่ถูกกล่าวหาอย่างนี้ ถ้าคดียังไม่สิ้นสุดเราก็ต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งนี้ ต้องเข้าใจว่าคดีไม่ได้สิ้นสุดที่ตำรวจ คดีสิ้นสุดที่ศาลตัดสิน และต้องแยกแยะระหว่างจรรยาบรรณกับเรื่องวินัย และคดีอาญาไม่เกี่ยวกัน แต่อาจเชื่อมความผิดตรงกันได้ ซึ่งกรณีนี้กรรมการสืบข้อเท็จจริงอาจจะสืบข้อมูลร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือหากหน่วยงานต้นสังกัดของครูปรีชาตั้งกรรมการสอบวินัย คุรุสภาก็จะไปทำงานคู่กัน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ตรงกัน” นายสมศักดิ์กล่าว

ที่มา : มติชนออนไลน์