มูฟฟาสท์ชูแพลตฟอร์มซีคอมมิร์ซ ตอบโจทย์ขาช็อปออนไลน์เจน Y-X-

“มูฟฟาสท์” เกาะกระแสช็อปปิ้งออนไลน์บูม พัฒนาแพลตฟอร์มอีมาร์เก็ตเพลซตอบโจทย์นักช็อปยุคดิจิทัล ชู “ซีคอมเมิร์ซ” สร้างความต่าง ผนึก 40 แบรนด์ปั๊มยอดขาย มั่นใจสิ้นปีทะลุ 400 ล้านบาท โต 300-400% ทั้งเพิ่มเป้าโตปีหน้าอีก 100%

นายโตชิ ศิริจิวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มูฟฟาสท์ จำกัด ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลซ มูฟฟาสท์ (Movefast) เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้บริโภคต้องการความสะดวกสบาย และความรวดเร็ว จึงหันมานิยมซื้อขายสินค้าออนไลน์ โดย 59% ของกิจกรรมที่ทำในโซเชียลมีเดียเป็นการซื้อสินค้าออนไลน์ และเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Y และ Gen X บริษัทจึงพัฒนา distribution channel platform หรือระบบจำหน่ายสินค้าแบบครบวงจร ตั้งแต่การทำการตลาดออนไลน์, การขายออนไลน์แบบ conversational commerce (ตอบโต้กับผู้ซื้อผ่านช่องทางแชต), การบริหารสต๊อก และจัดส่งสินค้า โดยให้บริการผ่านเว็บไซต์ movefast.shop

สำหรับการขายแบบ conversational commerce (ซีคอมเมิร์ซ) เป็นการผสมผสานระหว่างการขายผ่านหน้าเว็บไซต์ที่นำเทคโนโลยีมาใช้ รวมกับทีมขายที่สนทนากับลูกค้าผ่านโซเชียลมีเดีย อาทิ Line@ และ Facebook Mes-senger นับเป็นจุดแตกต่างของมูฟฟาสท์ กับเว็บมาร์เก็ตเพลซอื่น ๆ และทำให้ยอดขายสูงกว่าการขายสินค้าเดียวกันในช่องทางอื่นถึง 100 เท่า

ลูกค้าเป็นแบรนด์สินค้ากว่า 40 แบรนด์ 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.อาหารเสริมเพื่อสุขภาพมียอดขาย 50% 2.ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว 3.เครื่องสำอาง มียอดขายรวมกัน 50% มีการสั่งซื้อเฉลี่ยต่อบิลที่ประมาณ 1,600-2,000 บาท ส่วนช่วงอายุของลูกค้าส่วนใหญ่เป็น Gen X เป็นผู้หญิง 65% ผู้ชาย 35% มีผู้ซื้อ 300,000 ราย มียอดซื้อซ้ำ 40% คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมียอดขาย 400 ล้านบาท โต 300-400% จากที่เริ่มตั้งบริษัทในปี 2558 ที่มีรายได้ 20 ล้านบาท

“บิสซิเนสโมเดลของเราจะเก็บค่า GP หรือส่วนแบ่งการขาย 25-40% ขึ้นอยู่กับบริการที่ลูกค้าใช้ เพราะบางรายอาจใช้บริการไม่ครบ เช่น จัดส่งสินค้าเอง เป็นต้น มีพนักงาน 100 คน ส่วนใหญ่ทำหน้าที่พูดคุยกับลูกค้าที่มาซื้อของผ่านการแชต และมีเจ้าหน้าที่ประจำในการดูแลแต่ละแบรนด์ ด้านงบประมาณที่ใช้พัฒนาระบบจะอยู่ที่ 3% ของรายได้”

นายโตชิกล่าวถึงเป้าหมายของบริษัทในปีหน้าว่า ตั้งเป้าเติบโตอย่างน้อย 100% หรือมียอดขาย 800 ล้านบาท มีแบรนด์ลูกค้าเพิ่มเป็น 50 แบรนด์ และเพิ่มประเภทสินค้ากลุ่มแฟชั่น อาทิ เสื้อผ้า เครื่องประดับ และแก็ดเจต รวมถึงมีเป้าหมาย 3 ปี หรือในปี 2563 เพิ่มจำนวนผู้ซื้อเป็น 1 ล้านราย และแบรนด์สินค้าถึง 500 แบรนด์ มียอดขายกว่า 2,000 ล้านบาท

“กำลังคุยกับไปรษณย์ไทย เพิ่มบริการส่งสินค้าภายใน 3 ชั่วโมง สำหรับพื้นที่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล คาดว่าจะพร้อมใช้ในไตรมาสแรกปีหน้า จากปัจจุบันที่ให้บริการส่งภายในวันเดียว และ 1-2 วันสำหรับต่างจังหวัด สำหรับคู่แข่งมองว่าไม่มี ไม่ได้มองใครเป็นคู่แข่ง เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ก็ขายบนแพลตฟอร์มอื่นด้วย บางอย่างที่เรามีคนอื่นไม่มี จุดแข็งของเราคือมีการเก็บข้อมูลผู้ซื้อแบบเรียลไทม์ และวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเรียนรู้พฤติกรรมผู้บริโภค ทำให้แบรนด์สินค้าหากลยุทธ์ในการทำตลาดได้ตรงจุด”