อีสต์วอเตอร์ ลั่นยังประกอบธุรกิจปกติ เดินหน้าท่อส่งน้ำภาคตะวันออก

อีสต์วอเตอร์

อีสต์วอเตอร์ ลั่นยังประกอบธุรกิจปกติ แม้กรมธนารักษ์เซ็นสัญญาจ้างบริษัทใหม่บริหารท่อส่งน้ำภาคตะวันออกไปแล้ว เหตุบริษัทไม่ได้รับแจ้งส่งมอบทรัพย์สินจากกรมธนารักษ์ พร้อมระบุคดีฟ้องคณะกรรมการคัดเลือก-กรมธนารักษ์ยังอุทธรณ์ได้

วันที่ 3 ตุลาคม 2565 บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EASTW แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ว่า ตามที่บริษัทได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนเพื่อบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก และกรมธนารักษ์ ต่อศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2564 กรณีคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนฯ

ซึ่งแต่งตั้งโดยกรมธนารักษ์มีคำสั่งยกเลิกการคัดเลือกเอกชนเพื่อบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก และออกประกาศพร้อมหนังสือเชิญชวนฉบับใหม่ เป็นเหตุให้บริษัทได้รับความเสียหาย

ต่อมาบริษัทได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาอีกครั้งเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 ศาลปกครองกลางพิจารณาแล้วมีคำสั่งเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2565 ให้ยกคำร้อง โดยศาลให้ระบุในตอนหนึ่งของคำสั่งศาลไว้ด้วยว่า

แม้ต่อมาจะมีการลงนามเพื่อเข้าทำสัญญาในโครงการที่พิพาท แต่หากปรากฏว่าการดำเนินการเพื่อคัดเลือกคู่สัญญาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลย่อมมีอำนาจเพิกถอนการดำเนินการดังกล่าวได้ และหากบริษัทเห็นว่าได้รับความเดือดร้อนเสียหายก็ชอบที่จะใช้สิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อไปได้ด้วย รายละเอียดปรากฏตามที่อ้างถึง นั้น

บริษัทขอแจ้งความคืบหน้าคดีข้างต้นว่า เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2565 ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งให้คุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษา (ให้ทุเลาการบังคับการดำเนินการคัดเลือกเอกชนตามประกาศเชิญชวนฉบับใหม่) ซึ่งมีผลเป็นการระงับการลงนามทำสัญญาโครงการบริหารและดำเนินกรระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ในวันที่ 3 สิงหาคม 2565 อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2565 ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งกลับคำสั่งศาลปกครองชั้นต้น มีผลทำให้คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษาดังกล่าวสิ้นผลไป

ทั้งนี้ คำสั่งศาลปกครองสูงสุดดังกล่าว เป็นขั้นตอนการพิจารณาในชั้นอุทธรณ์คำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษา มิใช่คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลปกครองในส่วนที่เป็นการชี้ขาดตัดสินเนื้อหาหลักของคดี

โดยเนื้อหาหลักของคดียังคงอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง ซึ่งยังมีความไม่แน่นอน และเมื่อศาลปกครองกลางมีคำสั่งหรือคำพิพากษาในส่วนของคดีหลักแล้ว คดียังสามารถอุทธรณ์และเข้าสู่กระบวนพิจารณาโดยศาลปกครองสูงสุดต่อไปได้ และหากบริษัทได้รับความเสีหายใด ๆ ยังสามารถใช้สิทธิฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากผู้เกี่ยวข้องได้ในอนาคต

อนึ่ง บริษัทยังไม่ได้รับแจ้งจากกรมธนารักษ์อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการส่งมอบทรัพย์สินโครงการเช่าบริหารโครงการท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-หนองค้อ และโครงการท่อส่งน้ำหนองค้อ-แหลมฉบับ (ระยะที่ 2) และปัจจุบัน

บริษัทยังคงประกอบธุรกิจได้ตามปกติ ประกอบกับบริษัทได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างระบบโครงข่ายท่อส่งน้ำ เพิ่มเติมอีกประมาณ 120 กิโลมตร พร้อมสถานีสูบน้ำเพิ่มเติม เพื่อให้มีความสามารถในการสูบส่งประมาณ 350,000 ลบ.ม.ต่อวัน เชื่อมเข้ากับระบบ Water Grid และเสริมสร้างความมั่นคงในการบริหารจัดการน้ำ (Water Security) เพื่อให้บริการลูกค้า และรองรับความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมไว้แล้ว