ASW เตรียมขายหุ้นกู้ 2 ชุด ดอกเบี้ยสูงสุด 5.95% ต่อปี เปิดจอง 3-5 ก.ค.นี้

ASW

บมจ.แอสเซทไวส์ หรือ ASW เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ 2 ชุด อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.45-5.95% ต่อปี เสนอขายผู้ลงทุนสถาบัน-รายใหญ่ ทริสเรทติ้งจัดอันดับความน่าเชื่อถือบริษัท “BBB-” แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” เปิดจองซื้อ 3-5 ก.ค.นี้ ผ่าน 8 บริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำ

วันที่ 14 มิถุนายน 2566 นายกรมเชษฐ์  วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) (ASW) กล่าวว่า บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 2/2566 โดยเป็นหุ้นกู้ระยะยาว ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้จำนวน 2 ชุด ได้แก่

หุ้นกู้ชุดที่ 1 อัตรา อายุ 2 ปี 3 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.45-5.55% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2568 และหุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.90-5.95% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2569 จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ โดยอัตราดอกเบี้ยสุดท้ายจะประกาศให้ทราบภายหลัง

นายกรมเชษฐ์  วิพันธ์พงษ์
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) (ASW)

ทั้งนี้ หุ้นกู้ ASW เปิดให้จองซื้อในระหว่างวันที่ 3-5 ก.ค. 2566 ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ ราคาที่เสนอขายหน่วยละ 1,000 บาท จองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท ซึ่งบริษัทได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ “BBB-” แนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 65

ซึ่งเป็นเครดิตเรทติ้งระดับ Investment Grade หรือระดับที่น่าลงทุน แสดงถึงศักยภาพของบริษัทที่เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ มีผลประกอบการที่ดี และความเสี่ยงอยู่ในระดับต่ำ

โดยหุ้นกู้ทั้งสองชุดจะเสนอขายผ่าน 8 บริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำ ได้แก่ บล.เอเซีย พลัส, บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง, บล.เคจีไอ (ประเทศไทย), บล.ดาโอ (ประเทศไทย), บล.หยวนต้า (ประเทศไทย), บล.บลูเบลล์, บล.ฟินันเซีย ไซรัส และ บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) วัตถุประสงค์เพื่อนำไปเงินไปใช้รองรับแผนยุทธศาสตร์การขยายการเติบโตของบริษัทในอนาคตและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

“จากผลการดำเนินงานของบริษัทที่โดดเด่น เชื่อมั่นว่าการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย และจะเสริมความแข็งแกร่งด้านเงินทุนเพื่อนำมาใช้รองรับแผนยุทธศาสตร์การเติบโตของบริษัทในตลาดที่อยู่อาศัยครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ และขับเคลื่อนองค์กรก้าวสู่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศตามเจตนารมณ์ที่ได้วางไว้” นายกรมเชษฐ์กล่าว

อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 1/2566 ที่ผ่านมา ถือว่ามีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก โดยมีรายได้รวมที่ 1,743 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 283 ล้านบาท เติบโตขึ้น 37% และ 25% ตามลำดับจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะเดียวกัน สามารถทำยอดขายรวม (Pre-sale) ได้สูงถึง 3,495 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ในไตรมาส 2 บริษัทได้ทยอยเปิดตัวคอนโดฯ ใหม่อีก 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 6,450 ล้านบาท ประกอบด้วยคอนโดฯ 4 โครงการ ได้แก่

1) โครงการ Kave Pop Salaya (เคฟ ป็อป ศาลายา) 238 ยูนิต มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท

2) โครงการ Kave Coco Bangsaen (เคฟ โคโค่ บางแสน) 974 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท

3) โครงการ Atmoz Palacio Ladprao-Wanghin (แอทโมซ พาลาซิโอ ลาดพร้าว-วังหิน) จำนวน 759 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,750 ล้านบาท

และ 4) โครงการ Modiz Vault Kaset-Sripatum (โมดิซ วอลท์ เกษตร ศรีปทุม) จำนวน 798 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,200 ล้านบาท

“จากแผนธุรกิจดังกล่าว เชื่อมั่นว่าในครึ่งปีแรก 2566 ทั้งยอดขายและผลการดำเนินการของบริษัทจะเป็นที่จับตามองเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งมั่นใจว่าทั้งปีนี้จะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 15,000 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ 7,200 ล้านบาทอย่างแน่นอน” นายกรมเชษฐ์กล่าวทิ้งท้าย

อนึ่ง ASW ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงและแนวราบบนทำเลศักยภาพ ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” ปัจจุบันได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการบ้านจัดสรรมาแล้วกว่า 50 โครงการ ภายใต้แบรนด์ในเครือที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสุขให้เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ได้แก่

แบรนด์ เคฟ (KAVE), แบรนด์ แอทโมซ (ATMOZ), แบรนด์ โมดิซ (MODIZ), แบรนด์ เอสต้า (ESTA) และแบรนด์ ดิ ออเนอร์ (THE HONOR) รวมมูลค่าโครงการกว่า 55,300 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและโครงการพร้อมอยู่ 37 โครงการ และโครงการที่กำลังเปิดขายและอยู่ระหว่างการพัฒนา 13 โครงการ ปัจจุบันมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) อย่างแข็งแกร่ง มูลค่ารวม 12,538 ล้านบาท