ไทยพาณิชย์ คาดเงินบาท 2 เดือนข้างหน้าเผชิญแรงกดดัน ทั้งปัจจัยภายนอก-การเมืองภายในไม่นิ่ง-ฟันด์โฟลว์ไหลออก ชี้เทรนด์ยังอ่อนค่าในกรอบ 35.50-35.80 บาท/ดอลลาร์ ส่วนไตรมาส 4 มีโอกาสกลับมาแข็งค่า ฟาก ธปท.ชี้บาทผันผวนจากปัจจัยภายนอกเป็นหลัก
นายแพททริก ปูเลีย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทช่วงนี้ยังคงผันผวนและได้รับแรงกดดันในทิศทางอ่อนค่า โดยในระยะสั้น 2-3 เดือนข้างหน้า คาดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.50-35.80 บาท/ดอลลาร์ จาก 2-3 ปัจจัยกดดัน คือ 1.ค่าเงินหยวนอ่อนค่าที่ 7.25 หยวน/ดอลลาร์ โดยทางการจีนพยายามไม่ให้เงินหยวนอ่อนค่ามาก จึงเป็นจุดที่ต้องติดตาม 2.policy divergence ซึ่งธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยต่อ
- ร้อนทะลุ-โลกเดือด “เอลนีโญ” ถึง “ลานีญา” ถล่มประเทศไทย
- ปิดโรงงานยอดเพิ่มเท่าตัว จับตาธุรกิจรถมือสองเสี่ยง
- ส่อง 70 หุ้นจ่ายปันผล ขึ้น XD สัปดาห์หน้า บจ.ไหนจ่ายสูง 8.50 บาท/หุ้น ?
ขณะที่ธนาคารกลางอื่น เช่น ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศลดดอกเบี้ย รวมถึงไทยคาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีกเล็กน้อย เพราะห่วงเรื่องของหนี้ครัวเรือน และไม่ได้รับประโยชน์จากเมกะเทรนด์ ทำให้ตลาดทุนไม่น่าสนใจ
ส่งผลต่อเงินทุนเคลื่อนย้าย (fund flow) ไหลกลับตลาดสหรัฐ และ 3.การเมืองภายในประเทศที่ยังมีความไม่แน่นอน แม้ว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยพรรคก้าวไกลได้จัดตั้งนโยบาย แต่จะเห็นว่านโยบายจะกระทบในส่วนของตลาดทุน โดยเฉพาะบริษัทขนาดใหญ่
“3 ปัจจัยส่งผลให้ฟันด์โฟลว์ในปี 2566 ไหลออกสุทธิ โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ไหลออกประมาณ 1.9 แสนล้านบาท แบ่งเป็น ไหลออกจากตลาดหุ้น 1.1 แสนล้านบาท ตลาดบอนด์ 8.1 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2565 เงินไหลเข้าสุทธิ 2.46 แสนล้านบาท”
นายแพททริก กล่าวว่า ประเมินว่าในช่วงไตรมาสที่ 4/2566 เงินบาทจะกลับมาแข็งค่าในกรอบ 32.00-33.00 บาทต่อดอลลาร์ สอดคล้องกับเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัว การท่องเที่ยวและส่งออกปรับตัวดีขึ้น และความเสี่ยงจากปัจจัยการเมืองน่าจะลดลง ประกอบกับเฟดน่าจะหยุดขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยกลับมาเป็นบวก ฟันด์โฟลว์ไหลเข้า
นางอลิศรา มหาสันทนะ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ทิศทางค่าเงินบาทมองไปข้างหน้ายังคงมีความผันผวน โดยมาจากปัจจัยภายนอกที่มีผลต่อค่าเงินสูงถึง 60% ซึ่งเป็นปัจจัยเกินคาดเดาและควบคุมได้ยาก
ดังนั้น ธปท.จะส่งเสริม FX Ecosystem เพื่อลดความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งในปี 2566 จะผ่อนคลายเกณฑ์ใน 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.ผู้ประกอบการไทย ขยายวงเงินให้เปล่าจาก 5 หมื่นดอลลาร์ เป็น 2 แสนดอลลาร์ และส่งเสริมการใช้สกุลเงินท้องถิ่น (local currency) 2.นักลงทุนไทย จะขยายวงเงินลงทุนหลักทรัพย์ต่างประเทศรายย่อย
โดยไม่ผ่านตัวกลางจาก 5 ล้านดอลลาร์ เป็น 10 ล้านดอลลาร์ และ 3.บริษัทและนักลงทุนต่างประเทศ จะขยายขอบเขตโครงการ NRQC ไปในเซ็กเตอร์ payment เพิ่มเติม จากปัจจุบันมีผู้เข้าร่วม 63 บริษัท