DITTO คว้าบิ๊กโปรเจ็กต์ ธ.ก.ส. เกือบ 200 ล้าน พัฒนาระบบจัดการคุณภาพหนี้

ฐกร รัตนกมลพร
ฐกร รัตนกมลพร

DITTO คว้าบิ๊กโปรเจ็กต์ธนาคาร ธ.ก.ส. มูลค่าเกือบ 200 ล้านบาท ยกเครื่องใหญ่พัฒนาระบบงานรองรับการบริหารจัดการคุณภาพหนี้ คาดหลังจัดตั้งรัฐบาลใหม่เรียบร้อย รัฐคงเร่งผลักดันนโยบายดิจิทัลมาใช้ในหน่วยงานภาครัฐมากขึ้น

วันที่ 10 กรกฎาคม 2566 นายฐกร รัตนกมลพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DITTO เปิดเผยว่า บริษัทซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านระบบจัดการเอกสารและข้อมูลเป็นระบบดิจิทัลแบบครบวงจร ได้รับสัญญาจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ให้ดำเนินโครงการพัฒนาระบบงานรองรับการบริหารจัดการคุณภาพหนี้ มูลค่าโครงการ 198.5 ล้านบาท

สำหรับโครงการพัฒนาระบบงานรองรับการบริหารจัดการคุณภาพหนี้ ประกอบด้วย ระบบย่อยต่าง ๆ 4 ระบบคือ 1.ระบบวิเคราะห์หนี้ เพื่อตรวจสอบและแยกหนี้ดีและหนี้เสียออกจากกัน 2.ระบบติดตามและการแจ้งเตือน เพื่อใช้ในการติดตามและเร่งรัดหนี้ของทางธนาคาร 3.ระบบปรับปรุงโครงสร้างหนี้ เพื่อให้การบริหารจัดการหนี้ ทั้งในการเร่งรัดหนี้ หรือ การผ่อนชำระของลูกหนี้ ให้มีประสิทธิภาพ และ 4.ระบบกฎหมาย เพื่อให้การดำเนินการทางกฎหมายมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

นายฐกรกล่าวอีกว่า สำหรับซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นมานั้นจะช่วยให้ ธนาคารสามารถนำข้อมูลพฤติกรรมการผิดนัดชำระหนี้ของลูกค้ามาจัดกลุ่มความเสี่ยงเพื่อกำหนดกลยุทธ์การจัดการลูกหนี้ได้อย่างเหมาะสม และช่วยให้ธนาคารมีเครื่องมือคำนวณสัญญาณเตือนความเสี่ยงด้านเครดิตที่สามารถแสดงผลในเชิงพฤติกรรมและความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ และการวิเคราะห์หามาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ให้กับลูกหนี้ของธนาคารได้

นอกจากนี้ช่วยให้ธนาคารมีระบบในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้หลายรูปแบบตามศักยภาพในการชำหนี้ของลูกหนี้และให้ธนาคารมีระบบรองรับการบริหารจัดการหนี้มีมาตรฐาน สามารถเก็บข้อมูลการปฏิบัติงานของการติดตามหนี้เพื่อประเมิน KPI ของทีมติดตามหนี้ หรือสนับสนุนกลยุทธ์การติดตามหนี้ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดกับธนาคาร โดยสามารถลดหนี้เสียและลดต้นทุนการติดตามหนี้

Advertisment

“โปรเจ็กต์นี้เป็นโปรเจ็กต์ใหญ่ของ ธ.ก.ส. ซึ่งถือเป็นการยกเครื่ององค์กรให้ทันสมัยและยกระดับการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อีกทั้งเพื่อให้การบริหารจัดการลูกค้าที่ผิดนัดชำระหนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการเกิดหนี้เสียซึ่งมีผลต่อต้นทุนโดยตรงและต้นทุนด้านความเสี่ยงของธนาคาร และยังสามารถใช้ทรัพยากรและบุคลากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่าอีกด้วย” นายฐกรกล่าว

นายฐกรกล่าวอีกว่า ในส่วนงานบริหารจัดการเอกสารซึ่งเป็นธุรกิจหลักของ DITTO นั้น หลังจากที่มี พ.ร.บ. การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ บังคับใช้ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี ปัจจุบันนอกจากงาน ธ.ก.ส.แล้ว ยังมีงานของศาลยุติธรรมที่ยังคงดำเนินการต่อเนื่องและงานของกรมที่ดิน โครงการจ้างนำเข้าข้อมูลที่ดิน เพื่อจดทะเบียนออนไลน์ที่ดำเนินการต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งจะเริ่มประมูลในเฟสใหม่ในปลายปีนี้

“ในส่วนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหนึ่งของ DITTO นั้น หลังจากที่ พ.ร.บ.การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ ประกาศใช้ก็มีความคืบหน้าไปมาก โดยแต่ละท้องถิ่นได้ให้ความสนใจและจัดสรรงบประมาณสำหรับระบบการบริหารจัดการเอกสารมากขึ้น อย่างไรก็ตาม คาดว่าหลังจากมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่เรียบร้อยแล้ว รัฐบาลคงจะเร่งผลักดันนโยบายดิจิทัลมาใช้ในหน่วยงานภาครัฐมากขึ้น” นายฐกร กล่าว