ธปท.เผยหลังหารือร่วมนายกฯ มองมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต้องคำนึงถึง “เสถียรภาพ” การคลัง กำหนดกรอบระยะปานกลางให้ชัดเจน เพื่อสร้างความเชื่อมั่น แนะนโยบายดิจิทัลวอลเลต 1 หมื่นบาท เน้นทำเฉพาะเจาะจง เหตุทุกคนไม่ได้ต้องการทั้งหมด ชี้ช่วยประหยัดงบฯ ส่วนรูปแบบยังไม่ชัด ยันไม่ใช่ CBDC แน่นอน
วันที่ 14 กันยายน 2566 นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ภายหลังจากมีการหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีนั้น ธปท.ได้มีการพูดถึงข้อกังวลต่าง ๆ ในเรื่องของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
- เปิด 20 อันดับมหาวิทยาลัย ที่โดดเด่นด้านวิศวกรรมศาสตร์
- กรุงไทย ปิดระบบ-แอป Next 11-12 และ 14 พ.ค. นี้ เช็กรายละเอียด
- กรุงไทย เตือนลูกค้าอัพเดต Android เวอร์ชั่นล่าสุด ก่อนใช้แอปไม่ได้
ซึ่ง ธปท.เคยสื่อสารว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยตอนนี้ฟื้นตัวช้ากว่าที่อื่น แต่ยังอยู่ในภาพการฟื้นตัว โจทย์ของนโยบาย คือ การเข้าสู่ภาวะปกติ (Normalization) ทั้งในฝั่งการเงินและการคลัง
โดยยังคงให้ความสำคัญกับ “เสถียรภาพ” เนื่องจากหลายคนจับตาดูอยู่ ซึ่งเสถียรภาพฝั่งการคลังต้องมี ซึ่งจะเห็นจากตัวอย่างของประเทศสหรัฐ ที่ไม่ได้ใส่ใจเพียงพอในเรื่องการคลัง จึงโดน Down Grade ดังนั้น เรื่องเสถียรภาพจึงเป็นโจทย์สำคัญ ซึ่งไม่เฉพาะเสถียรภาพด้านการคลัง แต่ยังรวมถึงเสถียรภาพในด้านอื่น ทั้งเสถียรภาพเศรษฐกิจ เสถียรภาพราคา และเสถียรภาพระบบการเงิน ซึ่งเป็นเรื่องที่ ธปท.ดำเนินการมาโดยตลอด
“ธปท.ก็ได้มีการแชร์ข้อกังวลต่าง ๆ ให้ท่านนายกฯรับฟัง แต่สุดท้ายการดำเนินนโยบายจะเป็นอย่างไรก็เป็นฝั่งการคลัง เพราะเรามีบทบาทที่แตกต่างกัน แต่หากดูโจทย์ตอนนี้และการทำมาตรการต่าง ๆ จะต้องไม่ทำลายหรือกระทบเสถียรภาพจนเกินไป หรือสร้างผลข้างเคียงให้กับระบบ”
สำหรับนโยบายการแจกเงินดิจิทัลวอลเลต นายเศรษฐพุฒิกล่าวว่า ตอนนี้รูปแบบในการออกมายังไม่มีความชัดเจน แต่หากถามถึงข้อกังวล คือ
1.บริบทเศรษฐกิจตัวเลขโดยรวมออกมาไม่สวย โดยไตรมาสที่ 2/2566 ออกมา 1.8% ต่ำกว่าคาด ซึ่งหากดูที่มาของการเติบโตจะเห็นว่าการบริโภคยังขยายตัวได้ดีในไตรมาสที่ 1 และ 2/2566 แต่ตัวที่ขาดไม่ใช่การบริโภค แต่เป็นตัวอื่น เช่น การลงทุนที่ไทยไม่ได้มีการลงทุนมานาน ดังนั้น ภาพการฟื้นตัวเศรษฐกิจตอนนี้การกระตุ้นการบริโภคเทียบการลงทุนจะสำคัญกว่า
2.การทำควรทำแบบกำหนดเป้าหมายเฉพาะเจาะจง (Targeted) น่าจะช่วยประหยัดงบประมาณ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการ (Need) เงิน 1 หมื่นบาท และ 3.เรื่องเสถียรภาพ โดยการทำนโยบายต่าง ๆ จะต้องฉายภาพระยะปานกลางว่า หากทำแบบนี้ จะมีผลต่อภาพขาดดุลงบประมาณอย่างไร หรือฐานะการคลังในมิติต่าง ๆ จะอยู่ในกรอบอย่างไร
ซึ่งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นได้ เพราะหากย้อนดูกรณีประเทศอังกฤษที่มีการประกาศเรื่องภาษี แต่ไม่มีความชัดเจนเรื่องของงบประมาณ ทำให้เกิดปัญหาทางด้านขาดความเชื่อมั่น ดังนั้น นโยบายจำเป็นต้องฉายภาพฐานะการคลังในระยะปานกลาง
“ผลต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นตอนนี้ขึ้นอยู่กับรูปแบบที่จะออกมา แต่ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งบางคนบอกว่าจะเป็นรูปแบบ e-Money ซึ่งก็เป็นรูปแบบปัจจุบัน จะมีผลต่อเงินเฟ้อและผลต่อฐานะการคลัง และหากเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล จะเห็นว่า ธปท.ไม่สนับสนุนให้นำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการ หรือ Means of Payment
และขอยืนยันว่า CBDC ไม่สามารถใช้กับนโยบายนี้ เพราะเป็นโปรเจ็กต์การเรียนรู้ ไม่ใช่เป็นโปรเจ็กต์ที่จะนำมาใช้ และยังไม่พร้อมใช้ในวงเงินจำนวนมากได้ ดังนั้น ภาพรวมผลจะเป็นเรื่องของในฝั่งการกระตุ้น และงบประมาณการคลังที่นำมาใช้ อย่างไรก็ดี ส่วนการดูแลสภาพคล่องในระบบ เป็นเรื่องที่ ธปท.ต้องดูแลอยู่แล้ว“
- เศรษฐาชี้แจกเงินดิจิทัลเคาะแหล่งเงินไม่เกิน 1 เดือน ใช้ “เป๋าตัง” เป็นฐานข้อมูล
- ศิริกัญญา รมว.คลังเงา สอนมวยเศรษฐา ชี้ 2 ทาง แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
- แจกเงินดัน “ขาดดุลแฝด“ หนี้ประเทศพุ่ง-จีดีพีโตไม่ยั่งยืน
- ถอดรหัสนโยบายรัฐบาลเศรษฐา จุดชนวนฟื้นเศรษฐกิจด้วยเงินดิจิทัล 1 หมื่น
- ยืมเงินรัฐวิสาหกิจ 5 แสนล้าน แจกเงินดิจิทัล 10,000 ผ่านแอป “เป๋าตัง”