อีสท์สปริง-PIMCO มองโอกาสทองลงทุน “ตราสารหนี้โลก” ส่ง 2 กองยีลด์แจ่ม

จังหวะลงทุน ‘ตราสารหนี้’

บลจ.อีสท์สปริง-PIMCO มองโอกาสทองลงทุน “ตราสารหนี้โลก” ส่ง 2 กองทุน TMBGINCOME-TMBGF ยีลด์แจ่ม 6-7% ใกล้เคียงหุ้น เชื่อช่วงท้ายวัฏจักรขาขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐ ลดความเสี่ยงอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ ชี้หากเฟดลดดอกเบี้ยช่วงครึ่งหลังปีหน้า ตราสารหนี้คุณภาพสูงจะได้ประโยชน์มากสุด

วันที่ 11 ตุลาคม 2566 นายยิ่งยง เจียรวุฑฒิ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยในงานสัมมนา “Path to Alpha in Fixed Income” ซึ่งจัดร่วมกับ PIMCO Asset Management เพื่อให้มุมมองการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ในสถานการณ์ปัจจุบัน รวมถึงทิศทางการลงทุนในช่วงต่อจากนี้ว่า

สินทรัพย์กลุ่มตราสารหนี้ทั้งในส่วนของภาครัฐและภาคเอกชนที่มีคุณภาพมีความน่าสนใจ และเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่สม่ำเสมอเพื่อกระจายความเสี่ยงในช่วงเวลานี้ ภายหลังจากการประชุม FOMC ล่าสุดในเดือนกันยายน ซึ่งคณะกรรมการมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 5.25-5.5% และทางนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ยังเปิดช่องในการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายได้อีก 1 ครั้งในปีนี้

หากประเมินจาก Dot Plot ที่ออกมาล่าสุด จะประเมินได้ว่าน่าจะเป็นช่วงท้ายของวัฏจักรของการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐแล้ว ทำให้ความเสี่ยงที่อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้จะปรับตัวลงจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นนั้นค่อนข้างจำกัดแล้วเช่นกัน

Advertisment

“ดอกเบี้ยนโยบายถึงแม้จะอยู่ในระดับสูง แต่มีแนวโน้มค่อย ๆ ลดลง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดีกว่าที่คาด อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ในปัจจุบันจึงอยู่ในระดับที่น่าสนใจ

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจสหรัฐน่าจะมีโอกาส Soft Landing ได้มากกว่าที่จะถดถอยรุนแรง ทำให้ Credit Spread ซึ่งเป็นส่วนต่างระหว่างผลตอบแทนพันธบัตรเอกชนกับรัฐบาลมีแนวโน้มทรงตัว สะท้อนความมั่นใจต่อเศรษฐกิจที่ดีขึ้น จึงถือว่าเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนกลุ่มตราสารหนี้” นายยิ่งยงกล่าว

Tina Adatia, Executive Vice President and Global and Core Fixed Income Product Strategist, PIMCO กล่าวว่า ด้วยอัตราผลตอบแทนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ตราสารหนี้คุณภาพสูงสามารถให้ผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกับหุ้นได้ในระดับ 5-7% โดยอาจไม่ต้องรับความเสี่ยงที่สูงมากนัก และยังมีโอกาสเพิ่มมูลค่าการลงทุนได้อีกด้วย โดยเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐค่อนข้างจะอยู่ในรอบท้าย ๆ ของการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยแล้ว

อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงนี้ต่อไปเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ซึ่งหากการเติบโตของสหรัฐอ่อนแอลง ธนาคารกลางสหรัฐจะมีช่องในการลดอัตราดอกเบี้ยได้ในช่วงประมาณครึ่งหลังของปีหน้า และหากเกิดเหตุนั้นจริงคาดว่าตราสารหนี้คุณภาพสูงจะได้รับประโยชน์มากที่สุด

Advertisment

“เรากำลังให้ความสำคัญกับตราสารหนี้คุณภาพสูงที่ไม่อ่อนไหวต่อเศรษฐกิจมากนัก และพร้อมให้ปรับเปลี่ยนตราสารเมื่อราคาในตราสารอื่นปรับเปลี่ยน จากปัจจัยพื้นฐานที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะในระยะเวลาหลายปีข้างหน้า เราคาดว่าจะมีการปรับการลงทุนไปยังตราสารหนี้ที่อาจอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจมากขึ้นหรือตราสารหนี้คุณภาพรอง ๆ ลงไป เมื่อราคาของตราสารหนี้ดังกล่าวสะท้อนปัจจัยที่แท้จริงแล้ว” Tina Adatia กล่าว

สำหรับโอกาสการลงทุนในช่วงนี้ บลจ.อีสท์สปริง มี 2 กองทุนที่ลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ของ PIMCO คือ

กองทุนเปิดทหารไทย Global Income (TMBGINCOME) เน้นลงทุนในกองทุนหลัก PIMCO GIS INCOME FUND มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ประเภทต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วโลก อันดับความน่าเชื่อถือเฉลี่ยอยู่ที่ AA- และอายุเฉลี่ยของตราสารอยู่ที่ 3.8 ปี

โดยมีอัตราผลตอบแทน yield to maturity ของตราสารในพอร์ต ณ วันที่ 31 ส.ค. 66 อยู่ที่ 7.36% (ข้อมูล PIMCO) เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดและสามารถรับความเสี่ยงการลงทุนได้ปานกลาง

กองทุนเปิดทหารไทย Global Bond Fund (TMBGF) เน้นลงทุนในกองทุนหลัก PIMCO GIS GLOBAL BOND FUND โดยมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลก เน้นลงทุนในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐและหุ้นกู้ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับน่าลงทุน (investment grade credit) เป็นหลัก โดยมีอันดับความน่าเชื่อถือเฉลี่ยอยู่ที่ AA และอายุเฉลี่ยของตราสารอยู่ที่ 5.7 ปี

โดยมีอัตราผลตอบแทน yield to maturity ของตราสารในพอร์ต ณ วันที่ 31 ส.ค. 66 อยู่ที่ 6.24% (ข้อมูล PIMCO) เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีความกังวลต่อภาวะตลาดและสามารถรับความเสี่ยงการลงทุนได้ต่ำ

ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.eastspring.co.th หรือ โทร. 1725 ในวันและเวลาทำการ หรือผ่านช่องทางการขายของบริษัท หรือผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนที่ได้รับการแต่งตั้ง และผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนการตัดสินใจลงทุน

ผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต และความเสี่ยงที่สำคัญ เช่น ความเสี่ยงทางด้านตลาด ความเสี่ยงทางด้านอัตราแลกเปลี่ยน ความเสี่ยงทางด้านเครดิตและคู่สัญญา และความเสี่ยงทางด้านสภาพคล่อง เป็นต้น