SCGP ปิดดีลซื้อกิจการบรรจุภัณฑ์ UK เครื่องมือแพทย์ในอิตาลี มูลค่ารวม 600 ล้าน

SCGP

“เอสซีจี แพคเกจจิ้ง” ปิดดีลซื้อกิจการ 2 บริษัทใหม่ ธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในสหราชอาณาจักร ซื้อหุ้น 100% มูลค่า 475 ล้านบาท ธุรกิจอุปกรณ์ทางการแพทย์ในอิตาลี ซื้อหุ้น 85% มูลค่า 125 ล้านบาท ล่าสุดมีฐานการดำเนินงานรวมกว่า 50 แห่ง ใน 9 ประเทศแล้ว

วันที่ 27 ตุลาคม 2566 นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP รายงานตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าบริษัทได้ดำเนินการเข้าซื้อหุ้น (Merger and Partnership: M&P) ใน 2 บริษัทใหม่ ประกอบด้วย 1.SCGP ได้ลงนามในสัญญาซื้อหุ้นเพื่อเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 100% ใน Law Print & Packaging Management Limited (Law Print)

ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร มีที่ตั้งอยู่ใน Stockport สหราชอาณาจักร โดยจะชำระเงินทั้งสิ้น 10.68 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง (ประมาณ 475 ล้านบาท) สำหรับการเข้าถือหุ้น 100% ดังกล่าวทันที ธุรกรรมนี้จะดำเนินการผ่าน SCGP Solutions (Singapore) Pte. Ltd. (SCGPSS) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SCGP ถือหุ้นทั้งหมด ทั้งนี้ SCGP จะเริ่มแสดงผลประกอบการของ Law Print ในงบการเงินรวมตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566

Law Print ให้บริการโซลูชั่นด้านบรรจุภัณฑ์ครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบ การจัดพิมพ์การ ตรวจสอบรับประกันคุณภาพ ตลอดจนการขนส่งระหว่างประเทศ โดยมีเครือข่ายผู้ผลิตและผู้จัดหาบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลาย Law Print มีรายได้ 12.2 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง (ประมาณ 570 ล้านบาท) มีกำไรรวมหลังหักภาษีประมาณ 2.7 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง (ประมาณ 125 ล้านบาท) และมีสินทรัพย์อยู่ที่ 6.5 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง (ประมาณ 300 ล้านบาท) ณ วันสิ้นปีงบการเงิน วันที่ 31 ธันวาคม 2565

Law Print มีจุดเด่นในการตอบโจทย์ ความต้องการลูกค้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยง ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลและทำความ เข้าใจลูกค้าในเชิงลึก นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อลูกค้ากับเครือข่ายผู้จัดหาบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัวที่มีคุณภาพสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการจัดหาสินค้าบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัวของ SCGP ให้แก่ลูกค้าจากสหราชอาณาจักรและประเทศอื่นในทวีปยุโรป

โครงการลงทุนนี้นจะช่วยขยายช่องทางการขายและเครือข่ายลูกค้าของ SCGP โดยมุ่งเน้นที่ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง ซึ่งเติบโตอย่างรวดเร็วในสหราชอาณาจักรและทวีปยุโรป ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพของ SCGP ตลอดห่วงโซ่อุปทาน นำไปสู่ส่วนแบ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าในกลุ่มเป้าหมายของ Law Print

นอกจากนี้ ประโยชน์จากการประสานกำลังทางธุรกิจดังกล่าวยังครอบคลุมถึงการขายสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้อง (Cross-selling) ของบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer packaging products) แก่ลูกค้าในกลุ่มบริษัทข้ามชาติซึ่งมีความสัมพันธ์อันยาวนานกับ Law Print

2.SCGP ได้ลงนามในสัญญาซื้อหุ้นเพื่อเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 85% ใน Bicappa Lab S.r.L. (Bicappa) บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์สำหรับใช้ในห้องปฏิบัติการ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตปิเปตต์ทิป (Pipette tips) โดย Bicappa ตั้งอยู่ใน Roletto ประเทศอิตาลี โดยจะชำระเงินค่าหุ้น 85% รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 3.23 ล้านยูโร (ประมาณ 125 ล้านบาท)

ธุรกรรมนี้จะดำเนินการผ่าน Deltalab, S.L. (Deltalab) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SCGP ถือหุ้น 85% ทั้งนี้ Deltalab และผู้ถือหุ้นเดิมของ Bicappa มีสิทธิในการซื้อและขายหุ้น 15% ที่เหลือใน Bicappa ในราคาซึ่งได้คำนวณและระบุไว้แล้วใน เอกสารประกอบการทำธุรกรรม ทั้งนี้ SCGP จะเริ่มแสดงผลประกอบการของ Bicappa ในงบการเงินรวมตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน 2566

โครงการเข้าซื้อหุ้นนี้จะช่วยเสริมแกร่งธุรกิจของ Deltalab ผ่านการขยายกิจการในลักษณะ Backward integration ด้วยการจัดหา Pipette tips ซึ่งเป็นหนึ่งในสินค้าประเภทอุปกรณ์สำหรับใช้ในห้องปฏิบัติการที่สำคัญในธุรกิจของ Deltalab

ทั้งนี้ Bicappa เป็นหนึ่งในผู้ผลิต Pipette tips รายใหญ่ในทวีปยุโรป ใช้ระบบเครื่องจักรอัตโนมัติในขั้นตอนการผลิตและออกแบบแม่พิมพ์ความก้าวหน้าทางวิทยาการดังกล่าว จะช่วยให้ Deltalab สามารถขยายกิจการเข้าสู่ธุรกิจ Pipette tips ได้ทันที พร้อมกับเข้าถึงองค์ความรู้เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีการฉีดขึ้นรูปพอลิเมอร์ (Polymer injection technology) สำหรับ Auto-pipetting และการดำเนินธุรกิจ ด้วยระบบอัตโนมัติประโยชน์จากการประสานกำลังทางธุรกิจดังกล่าวยังครอบคลุมถึงการเพิ่มยอดขายอุปกรณ์ ทางการแพทย์และอุปกรณ์สำหรับใช้ในห้องปฏิบัติการอื่น ๆ ของ Deltalab ผ่านฐานลูกค้าของ Bicappa อีกด้วย

ปัจจุบัน Bicappa มีสายการผลิตแม่พิมพ์สำหรับขึ้นรูปพลาสติกทั้งหมด 12 สายการผลิต ในระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 Bicappa มีรายได้ 3 ล้านยูโร (ประมาณ 115 ล้านบาท) มีกำไรรวมหลังหักภาษีประมาณ 0.62 ล้านยูโร (ประมาณ 23.5 ล้านบาท) และมีสินทรัพย์อยู่ที่ 2.4 ล้านยูโร (ประมาณ 90 ล้านบาท)

SCGP มุ่งมั่นที่จะตอบสนองกระแสความนิยมที่เปลี่ยนไปใช้บรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนมากขึ้น โดยนำเสนอสินค้าบรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษบรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูง ตลอดจนให้บริการด้านบรรจุภัณฑ์ที่โดดเด่นอื่น ๆ โดยมีฐานการดำเนินงานรวมกว่า 50 แห่งในประเทศไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สหราชอาณาจักร สเปน เนเธอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกา