“อนาคตธุรกิจไทย” ในยุคเปลี่ยนผ่าน

อนาคตธุรกิจไทย
คอลัมน์ : Smart SMEs
ผู้เขียน : ดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา

เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ธนาคารกรุงศรีฯ ได้มีการจัดงาน Krungsri Business Forum 2023 ในหัวข้อ “The Age of Transition เปลี่ยนผ่าน เพื่อไปต่อ สร้างอนาคตสู่ธุรกิจที่ยั่งยืน”

โดยมีการเชิญผู้บริหารระดับสูงจากองค์กรธุรกิจชั้นนำ หน่วยงานภาครัฐ และผู้นำทางความคิดมาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมอง วิเคราะห์โอกาสและความน่าจะเป็นในวันที่ทุกธุรกิจต้องเผชิญกับความท้าทายและภูมิทัศน์ใหม่ทางธุรกิจ ซึ่งดิฉันเองได้มีโอกาสร่วมงานและได้ฟังประเด็นที่น่าสนใจ จึงถือโอกาสมาเล่าสู่กันฟัง เชื่อว่าเป็นประโยชน์แก่ผู้ประกอบการธุรกิจไม่มากก็น้อย

เป็นที่ทราบกันดีว่า ความผันผวนในโลกธุรกิจในปัจจุบันนี้ ทำให้เกิดความไม่แน่นอนและความเสี่ยงต่อธุรกิจเป็นอย่างมาก ธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ เพื่อคงความอยู่รอดและเติบโตอย่างยั่งยืน หนึ่งในประเด็นสำคัญที่หยิบยกขึ้นมา

ก็คือ บทบาทของเทคโนโลยี AI ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญและเปลี่ยนแปลงวิถีของการทำธุรกิจมากขึ้นเรื่อย ๆ AI สามารถช่วยธุรกิจในด้านต่าง ๆ เช่น เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์และบริการ และสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ

อย่างไรก็ตาม AI ก็มีผลกระทบต่อธุรกิจเช่นกัน โดยอาจทำให้ธุรกิจจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนวิธีการให้เหมาะสมกับยุค AI หากใครตามไม่ทันก็จะอยู่รอดยาก

และที่น่าสนใจก็คือ AI สามารถช่วยทำงานแทนมนุษย์ได้หลายบทบาท ที่จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงในวิธีการทำงานและการจ้างงาน โดยคนรุ่นเก่าจะสามารถทำงานต่อไปได้โดยไม่ต้องเกษียณอายุ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ความหมายของคำว่า “transition” เปลี่ยนไปจากเดิม ที่หมายถึงการถ่ายทอดธุรกิจจากรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่ง กลายเป็นการร่วมมือกันทำงานของคนสองเจเนอเรชั่น

โดยใช้จุดแข็งของกันและกัน และที่สำคัญคือ ไม่เพียงเทคโนโลยี AI เท่านั้น ยังมีนวัตกรรมอื่นมากมายที่จะมาปฏิวัติอุตสาหกรรมและท้าทายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการจัดการที่เกี่ยวเนื่องในเรื่อง data privacy, cyber security, AI governance ของธุรกิจก็เป็นสิ่งสำคัญ

อีกประเด็นที่มีการพูดถึงก็คือ เรื่องของ sustainability หรือ ESG ที่กดดันให้ธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนจากผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสังคมมากขึ้น และภาคธุรกิจด้วยกันเองผ่านห่วงโซ่การผลิต รวมถึง
นักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนในธุรกิจสีเขียว

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจสามารถได้รับการสนับสนุนทั้งจากภาคสถาบันการเงินและภาครัฐ เพื่อช่วยเหลือในเรื่องการปรับเปลี่ยนสู่ ESG ได้เช่นกัน อีกทั้งยังมีเรื่องที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยสมบูรณ์ ซึ่งต้องสร้างสังคมที่คนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่อยู่ร่วมกันอย่างเกื้อกูล และคนรุ่นใหม่ต้องรู้จักโลก รู้ทันโลก

โดยอาศัยประสบการณ์และความเก๋าของรุ่นเก่า รู้จักโลกหมายถึงเข้าใจถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมและสังคมโลกอย่างรอบด้าน รู้ทันโลกหมายถึงเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกและปรับตัวให้ทัน

และประเด็นเกี่ยวกับอาเซียนที่ได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางแห่งการลงทุนและตลาดที่น่าสนใจในประชาคมโลก เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนหลายประการ

ไม่ว่าจะเป็นผลพวงจากสงครามในตะวันออกกลาง ความตึงเครียดในทะเลจีนใต้ เกาหลีเหนือ ไต้หวัน ล้วนเป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงในการลงทุนในภูมิภาคอื่น ๆ อาเซียนจึงกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ปลอดภัยกว่า และการที่อาเซียนเป็นภูมิภาคที่มีเสถียรภาพทางการเมืองเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น ๆ

อีกทั้งมีประชากรจำนวนมากกว่า 685 ล้านคน ซึ่ง 61% เป็นคนหนุ่มสาว จึงเป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูง อาเซียนมีเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงกว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ซึ่งธุรกิจไทยเองก็สามารถแสวงหาโอกาสธุรกิจในภูมิภาคนี้ได้ด้วยเช่นกัน

ประเด็นต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้นจะช่วยให้คนทำธุรกิจมองเห็นภาพอนาคตได้กว้างขึ้น หรืออย่างน้อยก็พอจะเห็นภาพรวมของโอกาสหรือความท้าทายในการเปลี่ยนผ่านธุรกิจ เพื่อไปต่อ สร้างอนาคตสู่ธุรกิจที่ยั่งยืน

และหากผู้ประกอบการสนใจฟังสัมมนาย้อนหลัง สามารถเข้าไปรับชมคลิปสัมมนาและข้อมูลความรู้เพิ่มเติมเพื่อธุรกิจได้ที่ FB Page : Krungsri Business Empowerment ได้นะคะ