TISCO ปี 66 กำไร 7.3 พันล้าน รายได้ดอกเบี้ยพุ่ง 8.6% Q4 ตั้งสำรองเพิ่ม

ทิสโก้

ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป ปี 2566 กวาดกำไร 7,302 ล้านบาท โต 1.1% จากปี 2565 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิโต 8.6% รายได้ค่าฟีหดตัว 6.4% ตามธุรกิจตลาดทุน-ธุรกิจนายหน้าประกันภัยชะลอตัวลงตามปริมาณการปล่อยสินเชื่อใหม่ ด้านผลขาดทุนด้านเครดิตลดลง ส่วนกำไรไตรมาส 4/66 ลดลง 5% จากไตรมาส 3/66 เหตุตั้งสำรองเพิ่ม

วันที่ 15 มกราคม 2567 บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO รายงานตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ในปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 7,302.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.1% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY) มีกำไรต่อหุ้น 9.12 บาทต่อหุ้น และมีอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นเฉลี่ย (ROAE) อยู่ที่ 17.1%

สาเหตุหลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ มีจำนวน 13,828.64 ล้านบาท เติบโต 8.6% ตามเงินให้สินเชื่อที่ขยายตัว 7.2% แม้ว่าในปี 2566 ต้นทุนทางการเงินของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นถึง 93.9% ตามทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นในตลาด

ประกอบกับการปรับอัตราเงินนำส่งจากสถาบันการเงินเข้ากองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) กลับสู่ระดับปกติที่ 0.46% ต่อปี

ในส่วนของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยอ่อนตัวลง 6.4% เนื่องจากการชะลอตัวของธุรกิจที่เกี่ยวกับตลาดทุน โดยรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์อ่อนตัวลง 16.5% จากตลาดทุนที่ผันผวนรุนแรง ซึ่งส่งผลต่อเนื่องถึงผลขาดทุนจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่ายุติธรรมผ่านงบกำไรขาดทุน (FVTPL)

นอกจากนี้ค่าธรรมเนียมธุรกิจธนาคารพาณิชย์ฟื้นตัวช้ากว่าคาด โดยเฉพาะธุรกิจนายหน้าประกันภัยที่ชะลอตัวลงตามปริมาณการปล่อยสินเชื่อใหม่ที่ลดลง อย่างไรก็ดีธุรกิจจัดการกองทุนสามารถกลับมาขยายตัวได้ 5.4% เป็นผลมาจากทั้งค่าธรรมเนียมพื้นฐานที่เติบโตตามสินเชื่อ ภายใต้การบริหาร รวมถึงการรับรู้ค่าธรรมเนียมตามผลประกอบการของธุรกิจจัดการกองทุน (Performance Fee)

สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.7% จากแผนการลงทุนระยะยาวเพื่อการขยายตัวของธุรกิจ ในขณะที่ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ลดลงจากปีก่อนหน้า และอยู่ในระดับต่ำที่ 0.3% ของยอดสินเชื่อเฉลี่ย

สำหรับกำไรงวดไตรมาส 4/2566 มีจำนวน 1,781.6 ล้านบาท ลดลง 1.4% YOY และลดลง 5% QOQ สาเหตุหลักของกำไรลดลง YOY มาจากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยอ่อนตัวลง 17% เนื่องจากธุรกิจที่เกี่ยวกับตลาดทุน ทั้งรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่ลดลงและการรับรู้ผลขาดทุนจากเครื่องมือทางการเงิน ประกอบกับธุรกิจธนาคารพาณิชย์ชะลอตัวลงตามสภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอ

อย่างไรก็ดีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 6.6% จากสินเชื่อที่ขยายตัวในส่วนของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 5.4% ตามแผนการเติบโตในระยะยาวของบริษัท ส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

ส่วนกำไรที่ลดลง QOQ มาจากการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิต ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพื่อรองรับความเสี่ยงในอนาคต ด้านรายได้รวมจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 0.4% จากไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น 0.2% และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น 0.8%

ค่าธรรมเนียมธุรกิจธนาคารพาณิชย์ฟื้นตัวได้ดีจากไตรมาสก่อนหน้า รวมถึงบริษัทมีการรับรู้รายได้ค่าธรรมเนียมตามผลประกอบการของธุรกิจจัดการกองทุนจำนวน 51.39 ล้านบาท ในขณะที่ธุรกิจที่เกี่ยวกับตลาดทุนอ่อนตัวลง ทั้งค่าธรรมเนียมธุรกิจหลักทรัพย์ ค่าธรรมเนียมพื้นฐานธุรกิจจัดการกองทุน และผลขาดทุนจากเครื่องมือทางการเงินที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากความผันผวนของตลาดทุน

ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 1% จากค่าใช้จ่ายตามฤดูกาลที่เพิ่มขึ้น