ธปท.มองปัญหาหุ้นกู้ความเสี่ยงเฉพาะจุด ยันไม่กระทบตลาดการเงิน

นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล
นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล

ธปท.ยันหุ้นกู้เสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ไม่กระทบระบบตลาดการเงิน ชี้ เป็นแค่เฉพาะราย-กระจุกอยู่ในหุ้นกู้ไฮยีลด์ เผยไตรมาส 1/67 ครบกำหนดชำระ 1 ล้านล้านบาท

วันที่ 15 มกราคม 2567 นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดตราสารหนี้ยังคงเป็นปกติ โดยในปี 2565 ยังคงเห็นอัตราการเติบโตของยอดคงค้างที่เพิ่มขึ้นราว 9% แม้ชะลอตัวจากปีก่อน แต่ถือว่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับในอดีต

ส่วนหนึ่งมาจากภาคธุรกิจขนาดใหญ่เร่งล็อกต้นทุนการเงิน และหากมองไปข้างหน้าอาจเห็นการเติบโตในตลาดตราสารหนี้ชะลอตัวลงบ้าง แต่ยังมองว่าตลาดตราสารหนี้ยังทำหน้าที่ได้ตามปกติ

ทั้งนี้ หากดูสัดส่วนการออกหุ้นกู้ใหม่ หรือชำระคืนหุ้นกู้เดิม (Roll-over) พบว่า สัดส่วนจำนวนบริษัทที่ขายหุ้นกู้ได้ไม่เต็มจำนวนมีสัดส่วนค่อนข้างน้อย และไม่ได้เพิ่มขึ้นจนผิดปกติ โดยทั้งปี 2565 อยู่เพียง 1.1% เท่านั้นหากเทียบกับยอดออกหุ้นกู้ทั้งหมด และส่วนใหญ่จำกัดอยู่ในหุ้นกู้ไฮยีลด์ และในจำนวนดังกล่าวประมาณ 50% มีประวัติจำหน่ายไม่ครบอยู่แล้ว ซึ่งไม่ใช่รายใหม่ และมีเพียง 2-3 บริษัท ที่เป็นกลุ่ม Investment Grade

ซึ่งเป็นปัจจัยเฉพาะตัว และมีการแก้ปัญหาโดยการให้อัตราดอกเบี้ยเพิ่ม วางหลักประกันสูงขึ้น หรือเจรจาผู้ถือหุ้นกู้ เพื่อเลื่อนชำระการจ่ายหุ้นกู้ เป็นต้น

Advertisment

“ปริมาณหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดอยู่ที่ 1 ล้านล้านบาท จะแบ่งเป็นกลุ่มหุ้นกู้ไฮยีลด์ราว 1 แสนล้านบาท หรือประมาณ 10% ที่จะครบกำหนดในไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งมองว่าไม่ได้มีปัญหา และในแง่ของ Roll-Over เป็นปัญหาเฉพาะบางบริษัทเท่านั้น ส่วนจะเป็นปัญหาที่จะเกิดการลุกลามไปสู่ตลาดหุ้นกู้ ตลาดการเงิน ยังจำกัด อีกทั้ง ขนาดหุ้นกู้ไฮยีลด์ มีขนาดเล็ก โดยทั้งหมดมีเพียง 7% ของยอดคงค้างของหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด และกว่า 90% เป็นหุ้นกู้ระดับ Investment Grade ซึ่งไม่มีปัญหา

ดังนั้น การเชื่อมโยงหรือส่งผ่านผลกระทบไปสู่ตลาดกองทุนรวม เชื่อว่ามีน้อยมาก โดยตลาดกองทุนรวมถือหุ้นกู้ไฮยีลด์เพียง 0.1% หรือราว 600 ล้านบาท หากเทียบหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดที่กองทุนรวมถือ ฉะนั้น ความเสี่ยงที่จะเห็น ของการไถ่ถอนมาก ๆ หรือ กองทุนรวมราคาลงค่อนข้างมาก จากการเกิดฟันด์รัน มีโอกาสต่ำมาก เพราะผลกระทบที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อกองทุนรวมมีน้อยมาก”