เศรษฐกิจซึม ธุรกิจใหญ่เบรกลงทุน งบฯช้าฉุดเชื่อมั่น-กำลังผลิตแค่ 56%

ศก.ซึม

แบงก์ส่งสัญญาณลูกค้าขนาดใหญ่เบรกลงทุน ชะลอใช้สินเชื่อ หลังเศรษฐกิจไทยโตต่ำ-งบประมาณภาครัฐล่าช้า ฉุดความเชื่อมั่น “กรุงศรีฯ-ซีไอเอ็มบี ไทย” เผยลูกค้า Wait & See ดูความชัดเจนหลายปัจจัยและทิศทางดอกเบี้ย เผยลูกค้าเน้นประคองตัวเพิ่มมาร์จิ้นธุรกิจเดิม “ทิสโก้” ชี้ลงทุนภาพใหญ่แผ่ว ขณะที่การใช้กำลังการผลิตในโรงงานแค่ 56% กรุงศรีฯชี้ปีนี้เหนื่อยหนักกว่าปีที่ผ่านมา เผยข้อมูล ธปท.ปี’66 สินเชื่อธุรกิจหดตัว 1.7%

ธุรกิจใหญ่ชะลอลงทุน

นายประกอบ เพียรเจริญ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมายังค่อนข้างทรงตัว ยังไม่เห็นสัญญาณการลงทุนขนาดใหญ่ เนื่องจากผู้ประกอบการยังรอดูสถานการณ์ (Wait & See) ของเศรษฐกิจ และการลงทุนจากภาครัฐ รวมถึงปัจจัยภายนอกที่ยังมีความไม่แน่นอน แม้ว่าการส่งออกจะเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัว แต่ยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามใกล้ชิด

ทั้งนี้ การใช้วงเงินสินเชื่อของลูกค้าส่วนใหญ่ยังคงเป็นสินเชื่อหมุนเวียน และสินเชื่อธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศ (Trade Finance) โดยสินเชื่อเพื่อการลงทุนยังค่อนข้างน้อย ซึ่งจะเห็นการลงทุนในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์บางส่วน แต่ถือว่าน้อยกว่าเมื่อเทียบกับในอดีต

สำหรับปีนี้ธนาคารตั้งเป้าเติบโตเบื้องต้นอยู่ที่ 4-6% โดยธนาคารเห็นสัญญาณลูกค้าเดิมที่ไปใช้หุ้นกู้ในการระดมทุน ปัจจุบันพบว่ากลับมาใช้สินเชื่อธนาคารร่วมด้วย ส่วนหนึ่งมองว่ามาจากสภาพตลาดหุ้นกู้ที่มีความกังวลก่อนหน้าในเรื่องของการผิดนัดชำระหนี้ ทำให้การระดมทุนหุ้นกู้ยากขึ้น รวมถึงต้นทุนการออกหุ้นกู้ปัจจุบันไม่ได้แตกต่างจากต้นทุนการขอสินเชื่อจากธนาคารมากนัก ตอนนี้ลูกค้ารอดูปัจจัยดอกเบี้ย เพราะอยู่ในทิศทางทรงตัว และกำลังลดลงเพื่อตัดสินใจในการลงทุนว่าจะไปทิศทางใด

อย่างไรก็ดี แนวโน้มคุณภาพสินเชื่อของธุรกิจขนาดใหญ่ยังมองว่าค่อนข้างดี ไม่พบสัญญาณที่น่ากังวล โดยลูกค้ายังมีความแข็งแรงเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น อย่างไรก็ดี ธนาคารยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากในช่วงที่ตลาดหุ้นกู้มีความผันผวนและมีความเสี่ยงมากขึ้น อาจจะส่งผลกระทบมายังธุรกิจที่ธนาคารปล่อยสินเชื่อได้เช่นกัน จึงต้องให้ความระมัดระวัง ส่วนลูกค้าที่มีปัญหา ธนาคารก็ให้ความช่วยเหลือแบบสมเหตุสมผล

“ตอนนี้เรามีปัจจัย Uncontrol ค่อนข้างเยอะ ลูกค้าก็ยังไม่กล้าทำอะไรมาก โดยประคองตัวและรอดูสถานการณ์ไปก่อน เพราะตอนนี้เราก็ยังไม่เห็นการลงทุนในโครงการ Big Project ส่วนกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ลงทุนบ้างแต่ก็น้อยลงไปเยอะ ดังนั้น ปีนี้เรามองว่าน่าจะเหนื่อยกว่าปีที่แล้ว”

ไม่มีลงทุนใหม่-กำลังผลิตแค่ 56%

นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมการลงทุนของธุรกิจขนาดใหญ่ค่อนข้างแผ่วลง สะท้อนจากอัตรากำลังการผลิตในโรงงานเฉลี่ยอยู่ที่ 56-57% เท่านั้น ประกอบกับปัจจัยตลาดโลกที่ยังมีความไม่แน่นอน และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวช้า จะเห็นว่าในช่วงเกิดวิกฤต อัตราการเติบโตจีดีพีลดลงต่อเนื่อง

เช่นก่อนปี 2540 เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ 8-10% หลังปี 2540 ลดลงเหลือ 7% วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์เหลือ 5% และวิกฤตโควิด-19 ลดลงมาอยู่ที่ 2% ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของธุรกิจ เนื่องจากปัจจุบันงบประมาณปี 2567 ล่าช้า ซึ่งคาดว่าจะสามารถออกมาใช้ได้จริงเดือนพฤษภาคม โดยในไตรมาส 2/2567 น่าจะมีงบประมาณการลงทุนและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาได้ แต่คาดว่าภาคเอกชนจะเกิดการลงทุนตาม จะล่าช้าไปอีก 1-2 ไตรมาส เพราะต้องมีความเชื่อมั่นก่อน

ดังนั้น ในส่วนของธนาคารทิสโก้ตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่อยู่ที่ 3-5% จากปีก่อนขยายตัวค่อนข้างสูงถึง 30% ทั้งนี้ ธนาคารยังคงเน้น 2 กลุ่มหลักคือ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และพลังงานสะอาด/พลังงานทางเลือก ซึ่งในกลุ่มพลังงานสะอาดยังคงเห็นสัญญาณการลงทุนต่อเนื่อง

ภาคธุรกิจซึม-คึกคักแค่ EV

ซีอีโอกลุ่มทิสโก้กล่าวว่า ขณะที่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ จะพบว่าลูกค้าบางรายยังมีความต้องการวงเงินเสริมสภาพคล่องในช่วงที่โครงการสร้างเสร็จแล้วแต่ยังไม่สามารถขายได้ หรือบางกลุ่มขอวงเงินในการซื้อที่ดินเพื่อสร้างโครงการรองรับลูกค้ากลุ่มบนที่ยังมีความต้องการอยู่บ้าง หรือปล่อยให้เช่าระยะยาวกับนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงลูกค้าหลายแห่งมีการเปิดวงเงินสินเชื่อไว้กับธนาคารเพื่อรองรับหากหุ้นกู้ครบกำหนด เป็นต้น

“ภาพใหญ่ของการลงทุนยังไม่ค่อยดี แผ่วลง แม้ว่าการลงทุนในธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ที่ไม่ใช่โรงงานผลิตจะมีคนสนใจลงทุน แต่อาจต้องใช้เวลาอีก 1-1 ปีครึ่ง และหากมองไปในเซ็กเตอร์อื่น ๆ ก็ยังซึม ๆ อยู่ ดังนั้นมองว่า หลังภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ และการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานเชื่อว่าจะมีการลงทุนตามมาจากภาคเอกชน แต่ก็อาจจะต้องดีเลย์ไป 1-2 ไตรมาสถึงจะเห็นการลงทุน”

สินเชื่อโตจากลูกค้าลงทุน ตปท.

นายวุธว์ ธนิตติราภรณ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุดบรรษัทธุรกิจและธุรกรรมการเงิน ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ตอนนี้ธนาคารอยู่ระหว่างการทำแผนการเติบโตในกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ แต่เบื้องต้นธนาคารยังคงมีกลยุทธ์หลักในการสนับสนุนลูกค้าไปเติบโตยังต่างประเทศ โดยเฉพาะอาเซียนที่มีอัตราการเติบโตและโอกาสในการลงทุน

อย่างไรก็ดี จากทิศทางเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยที่ยังมีความไม่แน่นอน และตลาดโดยรวมยังมีความเสี่ยงเรื่องของการเติบโต (Growth) ทำให้ผู้ประกอบการมีการเลือกอุตสาหกรรม และเพิ่มความระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น ทำให้การลงทุนใหม่อาจจะไม่ได้ขยายตัวมากเหมือนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ผู้บริหารซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า ลูกค้าพยายามรักษาประคองธุรกิจเดิม และเพิ่มส่วนต่างกำไร (มาร์จิ้น) ให้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ลูกค้ายังคงวางแผนขยายการเติบโตอยู่ ซึ่งมีทั้งออกไปลงทุนและเข้ามาลงทุนในไทย แต่อาจต้องรอดูความชัดเจนของสถานการณ์เศรษฐกิจและนโยบายภาครัฐที่จะออกมาก่อน

“ในช่วงที่ตลาดโดยรวมมีความเสี่ยงเรื่องของ Growth ทำให้ลูกค้าหรือผู้ประกอบการเลือกเซ็กเตอร์การโตมากขึ้น แต่คงไม่ใช่ไม่โต ยังเห็นลูกค้าวางแผนการขยายธุรกิจในประเทศและต่างประเทศ แต่ช่วงนี้อาจจะต้องระมัดระวังก่อน ซึ่งก็เห็นลูกค้ารายใหญ่ใช้สินเชื่อแบงก์ และระดมทุนหุ้นกู้หากบริษัทเรตติ้งดี ๆ ทั้งนี้ปัจจัยดอกเบี้ยก็เป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจในการลงทุน ด้วยดอกเบี้ยสูงและกำลังจะอยู่ในช่วงขาลง ก็ทำให้ผู้ประกอบการที่จะลงทุนอาจรอการปรับลดดอกเบี้ยก่อน และก็มีต้นทุนด้านอื่นที่ลูกค้าต้องพิจารณาควบคู่ไปด้วยเช่นกัน”

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า ข้อมูลสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พบว่าปีนี้สินเชื่อธุรกิจหดตัว 1.7% เทียบกับปี 2565 โดยสินเชื่อธุรกิจวงเงินไม่เกิน 500 ล้านบาท หดตัว 5.1% ขณะที่สินเชื่อวงเงินมากกว่า 500 ล้านบาท หดตัว 0.01%