หุ้นโรงพยาบาลโดนสองเด้ง BDMS ฉุดกลุ่ม-ปัจจัยเสี่ยงคุมราคายาฯ

แฟ้มภาพ

นายพบชัย ภัทราวิชญ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส เปิดเผยภาพรวมตลาดหุ้นไทยวันที่ 21 ม.ค.62 ดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 1,588.38 จุด เพิ่มขึ้น 4.61 จุด หรือเพิ่มขึ้น 0.29% มีมูลค่าการซื้อขายรวม 45,130.70 ล้านบาท โดยวันนี้ดัชนีเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกตลอดวัน และสามารถขึ้นไปทดสอบที่ระดับ 1,595.16 จุด หรือเพิ่มขึ้นกว่า 12 จุด อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่ายมีแรงขายออกมาเป็นผลให้ปิดตลาดบวกที่ 4.61 จุด

ด้านกลุ่มที่หนุนตลาด ได้แก่ กลุ่มพลังงานที่ปรับขึ้นกว่า 3% ตามราคาน้ำมันดิบ, กลุ่มธนาคารที่เริ่มฟื้นตัว หลัง Sell on Fact ได้สะท้อนผ่านราคาหุ้นไปแล้วพอสมควร, กลุ่มค้าปลีก และกลุ่มปิโตรเคมี ส่วนกลุ่มที่กดดันตลาด คือ กลุ่มโรงพยาบาล หลังเจอประเด็นเฉพาะของหุ้น BDMS รวมถึงประเด็นเสี่ยงในการพิจารณานำยาและเวชภัณฑ์ทางการแพทย์เข้าเป็นสินค้าควบคุมหรือไม่ ซึ่งยังคงต้องติดตามการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อในวันพรุ่งนี้ เป็นผลให้ราคาหุ้นของโรงพยายาล ได้แก่ BDMS BH และ BCH ปรับลดลงมาค่อนข้างแรง และกลายเป็นกลุ่มที่กดดันตลาดในที่สุด

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นวันนี้มีการปรับขึ้นทั้งในส่วนของตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นเอเชีย หลังได้รับแรงหนุนของประเด็นการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่มีสัญญาเชิงบวกออกมา หลังจีนประกาศจะนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ มากขึ้น ราว 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วงระยะเวลา 6 ปีหลังจากนี้

ด้านภาพรวมของตลาดหุ้นในวันพรุ่งนี้(22 ม.ค.62) เนื่องจากดัชนีมีการปรับขึ้นไปค่อนข้างสูง จึงคาดว่าพรุ่งนี้อาจเห็นการปรับตัวลงมา โดยให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่แนวรับ 1,580 จุด และแนวต้านที่ 1,600 จุด

ส่วนประเด็นที่ยังต้องติดตามกันต่อ ในคืนนี้จะมีการพิจารณาการแยกตัวของสหราชอาณาจักรจากสหภาพยุโรป (Brexit) อีกครั้ง โดย นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะยื่นเรื่องต่อรัฐสภาอังกฤษอีกครั้ง หากการพิจารณาครั้งนี้ไม่ผ่าน จะมีการนำ “Plan B” เสนอต่อรัฐสภาอังกฤษต่อไป ส่วนประเด็นในประเทศได้แก่การพิจารณานำยาและเวชภัณฑ์ทางการแพทย์เข้าเป็นสินค้าควบคุม และการประกาศพระราชกฤษฎีการเลือกตั้ง ที่มีการประเมินว่าจะประกาศภายในสัปดาห์นี้หากจะจัดการเลือกตั้งในเดือนมีนาคม 2562

ด้านกลยุทธ์การลงทุนแนะนำ กลุ่มพลังงาน สามารถไล่ซื้อ (Follow Buy) ได้ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ตามแนะนำให้ราคาหุ้นอ่อนตัวลงมาก่อนจึงค่อยเข้าซื้อสะสม ได้แก่ PTT และ PTTEP, กลุ่มธนาคาร มีการทยอยประกาศผลประกอบการ ประเมินว่า Sell on Fact เริ่มน้อยลงแล้ว ได้แก่ BBL และ KBANK, กลุ่มค้าปลีก ที่ยังเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างปลอดภัย ได้แก่ CPALL และกลุ่มสุดท้ายอสังหาริมทรัพย์ที่มีอัตราปันผลค่อนข้างสูง ได้แก่ LH