KTAM เลี่ยงปัจจัยเสี่ยง กระจายลงทุนปั้น AUM โต 10%

“การลงทุนปี 2562 นี้ ยังคงเผชิญความผันผวนต่อเนื่องจากปีก่อน ตามการชะลอตัวเศรษฐกิจโลก โดยสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต้น ๆ ส่วนในประเทศก็มีปัจจัยการเลือกตั้งที่ต้องจับตาผลที่ออกมา ว่าจะได้รัฐบาลที่มีเอกภาพพอที่จะบริหารประเทศได้อย่างมีเสถียรภาพหรือไม่ ดังนั้น นโยบายการลงทุนปีนี้จึงเน้นกระจายการลงทุนทั่วโลก ผ่านหลักทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงน้อยที่สุด”

นี่เป็นการวิเคราะห์ของ “ชวินดา หาญรัตนกูล” กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM เพื่อฉายภาพให้เห็นถึงภาวะการลงทุนปีหมู พร้อมคาดการณ์อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทยปีนี้ที่ 3.8% ซึ่งมาจากการลงทุนภาครัฐ โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานและ EEC ที่จะช่วยหนุนความเชื่อมั่นภาคเอกชน ส่วนส่งออกอาจมีแนวโน้มชะลอตัวจากปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจโลก และยังต้องจับตาการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว

“หลังผ่านเลือกตั้งอาจจะต้องรอดูนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ ว่าจะช่วยดันความเชื่อมั่นการอุปโภคบริโภคของภาคเอกชนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือไม่”

ด้านอัตราเงินเฟ้อปีนี้ คาดว่าจะอยู่ระดับต่ำ โดยยังมีแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ซึ่งอาจทำให้การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายทำได้ไม่ง่าย ทั้งนี้ คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นอีกเพียง 1 ครั้งในช่วงปลายปี ไปอยู่ที่ระดับ 2.0% จากปัจจุบันที่อยู่ที่ 1.75%

ส่วนค่าเงินบาทคาดว่าถึงสิ้นปีนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.50-32.00 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างปีมีโอกาสปรับตัวแข็งค่าแตะระดับ 31 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากไทยยังคงเกินดุลบัญชีเดินสะพัด

ในส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นนั้น “ชวินดา” บอกว่า นักลงทุนยังค่อนข้างกังวล ซึ่งสะท้อนในราคาหุ้นปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นปัจจุบันมีโอกาสค่อนข้างจำกัดที่จะปรับตัวเป็นขาลง (downside risk) ดังนั้น การทยอยเข้าลงทุนในระดับปัจจุบัน จึงเป็นโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนที่ดี ซึ่งน่าจะดีกว่าการลงทุนในตราสารการเงินอื่น ๆ ในระยะยาว

สำหรับ KTAM จะเน้นลงทุนในหุ้นที่มีรายได้และการเติบโตในประเทศ ได้แก่ หุ้นกลุ่มธนาคาร และกลุ่มพาณิชย์ โดยกระจายลงทุนในอุตสาหกรรมหลากหลาย และเลือกหุ้นที่ราคาปรับตัวลงต่ำกว่ามูลค่าตามปัจจัยพื้นฐาน

ทั้งนี้ KTAM มีเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปีนี้ที่ 1,800 จุด EPS Growth อยู่ที่ 8% บนระดับ P/E ที่ 15 เท่า เนื่องจากเริ่มเห็นกระแสเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) เข้ามา และคาดว่าจะทยอยกลับเข้ามาอีกในช่วงครึ่งปีแรก หลังจากค่าเงินดอลลาร์เริ่มอ่อนค่า

“แต่ไทยอาจจะไม่ใช่ประเทศแรก ๆ ที่นักลงทุนสนใจ เนื่องจากความไม่แน่นอนด้านการเมืองที่ยังไม่มีการเลือกตั้ง แต่ทั้งนี้ หากมีแนวทางบริหารจากรัฐบาลใหม่ออกมาเห็นชัด คาดว่าจะช่วยหนุนฟันด์โฟลว์กลับเข้ามา เพราะไทยถือว่ามีเสถียรภาพทางการเงินที่แข็งแกร่ง”

ส่วนการลงทุนในตลาดตราสารหนี้จะเพิ่มน้ำหนักลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศที่อัตราผลตอบแทนปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เร็วกว่าตราสารหนี้ในประเทศ

ในด้านเป้าหมายอัตราการเติบโตของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (AUM) ปีนี้ KTAM ตั้งไว้ที่ 878,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน โดยเตรียมออกกองทุนใหม่อีกประมาณ 3-5 กองทุน ซึ่งในเดือน ก.พ.นี้ มีแผนเปิดขายกองทุนเปิดกรุงไทยสตราทีจิกแอคทีฟโกลบอลแอลโลเคชั่น (KT-SAGA) ที่เน้นลงทุนแบบ fund of fund ผ่านกองทุนรวมอีทีเอฟต่างประเทศเป็นหลักตั้งแต่ 2 กองทุนขึ้นไป ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขออนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

“ชวินดา” บอกว่า ภาพรวมปีที่แล้ว บริษัทมี AUM อยู่ที่ 776,382 ล้านบาท โตขึ้น 8.7% สูงกว่าอุตสาหกรรมที่โต 3.4% เป็นผลมาจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งมี AUM อยู่ที่ 109,567 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.6% จากกองทุน TFFIF (ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์) และบริษัทเป็นทรัสตีให้กับทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ 1 กองทุน กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพิ่มขึ้น 15.1% กองทุนส่วนบุคคล เพิ่มขึ้น 55.3% ส่วนกองทุนรวม ลดลงเล็กน้อย 0.4% จากภาวะความผันผวนของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง

ด้วยปัจจัยความไม่แน่นอนทั้งหลายทั้งปวง การกระจายการลงทุน น่าจะช่วยให้เจ็บตัวน้อยที่สุด