MFC ปูทางลงทุนอาเซียน ดึงมือดีจากสิงคโปร์ต่อยอดกองทุนโต

ปีนี้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี (MFC) ปรับกลยุทธ์การบริหารงานใหม่ โดยมีการตั้ง “กรรมการผู้จัดการร่วม” ระหว่างผู้บริหารคนไทยและชาวต่างชาติ ตั้งแต่ก่อนสิ้นปี 2561 ที่ผ่านมา และได้ฤกษ์เปิดตัวผู้บริหารใหม่เมื่อเร็ว ๆ นี้

เนื่องจากผู้บริหารปัจจุบัน คือ “ประภา ปูรณโชติ” กรรมการผู้จัดการ กำลังจะครบวาระการทำงานในวันที่ 5 ก.ย.นี้ ทางเอ็มเอฟซีจึงมีการแต่งตั้งผู้บริหารคนใหม่เป็นชาวสิงคโปร์ คือ “เดนนิส ชอง บุน ลิม” อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริษัท เทมเพิลตั้น แอสเซ็ท แมเนจเม้นท์ จำกัด ที่มากด้วยประสบการณ์การทำงานที่คร่ำหวอดอยู่ในธุรกิจจัดการลงทุนมานานกว่า 25 ปี ซึ่งได้ร่วมบริหารการลงทุนในตราสารทุนในตลาดเกิดใหม่รวมมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ จนได้รับการยอมรับทั่วโลก

ทั้งนี้ “เดนนิส ลิม” ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบสายงานทั้งหมด ยกเว้นสายงานการตลาดกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ยังคงให้ “ประภา” ดูแลจนเกษียณ

โดย “สดาวุธ เตชะอุบล” กรรมการ บลจ.เอ็มเอฟซี ระบุถึงเป้าหมายในระยะยาว ว่า ต้องการจะทำให้เอ็มเอฟซีเป็นบริษัทที่มีบทบาทสำคัญในระดับภูมิภาคในอุตสาหกรรมการจัดการลงทุน ซึ่งการตั้ง “เดนนิส ลิม” เข้ามา จะเป็น “ก้าวแรกที่ดี” ในการนำไปสู่เป้าหมาย

ขณะที่ “เดนนิส ลิม” บอกว่า การเข้ามาร่วมงานกับเอ็มเอฟซีถือเป็นความท้าทาย โดยเอ็มเอฟซีเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจการจัดการลงทุนในไทยที่มีประวัติยาวนาน และมีศักยภาพทางธุรกิจที่จะเติบโตได้และที่น่าตื่นเต้น คือ โอกาสในการขยายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกลุ่มประเทศอาเซียนมีประชากรวัยแรงงานกว่า 650 ล้านคน และมีรายได้ของประชากรเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

สำหรับปี 2561 ที่ผ่านมา เอ็มเอฟซีมีทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) ที่ 463,753 ล้านบาท ซึ่งในปี 2562 AUM อาจจะไม่ได้เพิ่มมาก เพราะต้องปรับกระบวนการทำงาน แต่หลังปี 2563 ไปจะเห็นการเติบโตอย่างชัดเจน

“อาเซียนเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตรวดเร็ว หากเอ็มเอฟซีสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทก็จะมีการเจริญเติบโตได้เพิ่มขึ้นอีก 10-15% (AUM) หลังปี 2563 ไป” ลิมกล่าว

ทั้งนี้ ภารกิจที่ “เดนนิส ลิม” ได้รับมอบหมายจากบอร์ดเอ็มเอฟซี ที่มี “ณรงค์ชัย อัครเศรณี” เป็นประธาน มี 2 เรื่องหลัก ได้แก่ 1) การบริหารจัดการสินทรัพย์ให้มีการเติบโตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการจัดการสินทรัพย์กองทุนต่าง ๆ ขณะเดียวกัน ยังมุ่งเน้นพัฒนาทรัพยากรบุคคลและปรับเปลี่ยนกระบวนการภายในให้เติบโตและมีความเข้มแข็งมากขึ้น สามารถสร้างงานวิจัยที่มีคุณภาพ รวมถึงการสำรวจความต้องการของนักลงทุน เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ให้มีความน่าสนใจมากขึ้นในการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ

ส่วนอีกภารกิจที่สำคัญ คือ จัดตั้งสำนักงานเอ็มเอฟซีในต่างประเทศ เริ่มจากประเทศสิงคโปร์ เพื่อให้บริษัทสามารถเติบโตในระดับภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นสำนักงานแรกที่ทำให้ประสบความสำเร็จด้านการลงทุนต่างประเทศในระดับภูมิภาคอาเซียน

“วัตถุประสงค์หลักที่จัดตั้งสำนักงานสิงคโปร์ ก็เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยมีช่องทางเลือกด้านการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น โดยจะสร้างทางเลือกของกองทุนประเภทต่าง ๆ เช่น Asian Fund หรือ North Asia Fund นอกจากนี้ จะพยายามดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนผ่านเอ็มเอฟซี สำนักงานสิงคโปร์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และมาเลเซีย”

สำหรับงานแรกที่ “เดนนิส ลิม” ต้องผลักดันในปีนี้ก็คือ การจัดตั้ง “ไทยแลนด์ฟันด์” ที่สิงคโปร์ ซึ่งจะเห็นความชัดเจนภายในครึ่งหลังของปี 2562 นี้

“เดนนิส ลิม” มองว่า ในปีนี้ เป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ ด้าน โดยจะเห็นสถานการณ์สำคัญที่จะมีผลกระทบระดับโลกจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งมีนัยสำคัญต่อไทย และประเทศเพื่อนบ้าน แต่ไทยก็ยังมีโอกาสจากการย้ายกำลังการผลิตจากจีนมายังประเทศในกลุ่มอาเซียน ซึ่งจะส่งเสริมให้การลงทุนไทยเติบโตด้วย รวมถึงการประกาศการเลือกตั้งของไทย จะทำให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น ส่งผลตลาดหุ้นไทยปรับดีขึ้น ซึ่งอาจจะเห็น SET ปรับตัวเพิ่มขึ้น 20% ได้ในปีนี้

การปรับทัพของ บลจ.เอ็มเอฟซี เพื่อรับมือกับภาวะการแข่งขันในธุรกิจ อีกมุมหนึ่ง ก็จะสลัดภาพการเป็น บลจ.ของรัฐ พร้อมก้าวไปสู่ระดับอินเตอร์