ตลท.ชี้ฟันด์โฟลว์ไหลเข้าหนุน SET เดือน ม.ค.พลิกกลับรีบาวน์ 5%

stock market หุ้น

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือน ม.ค.62 เริ่มมีสัญญาณเป็นบวกหรือฟื้นตัวเพิ่มขึ้น 5% ปิดที่ 1,641.73 จุด แต่จะทะยานขึ้นต่อหรือไม่นั้น หลายปัจจัยยังต้องจับตามองอยู่ ถ้าเกิดมองปัจจัยต่างประเทศสิ่งที่เริ่มชัดเจนคือ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีการส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ย โดยจะมีความระมัดระวังและรอดูภาวะตลาด (Feel the Market) มากขึ้น

สิ่งที่น่าสนใจคือตลาดหุ้นไทยเด้งกลับจากที่เคยติดลบ 10.8% ในปี 2561 ซึ่งถือว่าเด้งกลับมาแรงกว่าหลายๆ ประเทศเพื่อนบ้าน ยกตัวอย่างเช่น เวียดนามปรับตัวเพิ่มขึ้น 2% จากที่เคยติดลบ 9.3% หรือมาเลเซียปรับตัวขึ้นมาติดลบ 0.4% จากที่เคยติดลบ 5.9% ถือเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า ข่าวความไม่แน่นอนของโลกเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งตลาดหุ้นไทยตอบรับเรื่องนี้ได้ดีกว่าหลายๆ ประเทศในภูมิภาค ประกอบกับได้รับปัจจัยภายในประเทศช่วยหนุน

โดยตลาดหุ้นไทยเริ่มเห็นสัญญาณเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ไหลออกน้อยลง เพราะในเดือน ม.ค.62 มีฟันด์โฟลว์ไหลเข้ามา 214 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่พลิกกลับค่อนข้างชัด ส่วนหนึ่งมาจากเซนติเมนต์ของตลาดที่นักลงทุนเริ่มกล้าเทความเสี่ยงมากขึ้น รวมถึงการที่เฟดคงอัตราดอกเบี้ยทำให้ต้นทุนของกองทุนต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นฟันดิ้งต่างประเทศไม่ได้หนักหนาเท่ากับการขึ้นดอกเบี้ย

“ปีที่แล้วเงินไหลออกจากตลาดหุ้นไทย 287.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ไปพักตลาดบอนด์ไทย 190.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินบาทไม่อ่อนค่ากว่าประเทศอื่นมากนัก แต่สัญญาณในเดือน ม.ค.ตลาดหุ้นกลับเป็นบวกจากฟันด์โฟลว์ที่ไหลเข้ามาแล้ว 7.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เช่นเดียวกันตลาดบอนด์ที่ 1.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่อาจเป็นระยะสั้นๆ ที่เข้ามาลงทุนในพันธบัตรระยะยาว แต่ก็ถือเป็นสัญญาณบวกทั้งสองตลาด” นายศรพลกล่าว

โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเข้ามาในเดือน ม.ค.62 อยู่ที่ 6,581 ล้านบาท เป็นทิศทางเดียวกับตลาดส่วนใหญ่ในเอเชีย โดยมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 48,582 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15.5% จากสิ้นเดือน ธ.ค.61 โดยสัดส่วนประมาณ 6.8% มาจาก foreign investors และสัดส่วน 5.1% มาจาก local investors ซึ่งสะท้อนว่านักลงทุนรายย่อยเริ่มกลับมาแล้ว โดยใช้สมมุติฐานจากขนาดของนักลทุนแต่ละประเภท และการเติบโตของปริมาณการซื้อขายเป็นตัวชี้วัด

Advertisment

“พฤติกรรมนักลงทุนเริ่มหันมาลงทุนผ่านกองทุนรวมมากขึ้น ซึ่งไม่ใช่กองทุนที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพียงอย่างเดียว โดยกองทุนหุ้นอื่นๆ ไม่นับรวมวายุภักษ์ ณ เดือน ม.ค. AUM มีการขยายตัว 4.5% ซึ่งเห็นประโยชน์จากการกระจายลงทุนในสินทรัพย์หลายๆ ประเภท”

ขณะที่การออก IPO ของตลาดหุ้นไทยในเดือน ม.ค.62 อยู่ที่ 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับประเทศอื่นๆ ไทยถือว่าวิ่งนำไปก่อน แต่ต้องรอดูในเดือนต่อๆ ไปด้วย

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ปีนี้ประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนยังเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องจับตา นโยบายการเงินของธนาคารโลก และสภาพคล่องในตลาดโลก รวมถึงประเด็นทางการเมืองที่อาจมีความขัดแย้งกันในแต่ละประเทศ ถือเป็นปัจจัยพื้นฐานด้านเศรษฐกิจที่ยังต้องติดตาม ส่วนปัจจัยในประเทศแน่นอนต้องมาดูการส่งออก การท่องเที่ยว และการลงทุนภาครัฐและเอกชน มีวิธีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร รวมถึงเรื่องการเลือกตั้งไทยซึ่งเป็นปัจจัยหลัก
ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงโฟลว์อาจจะกลับข้างไหลกลับประเทศที่เป็น Safe Haven Country ซึ่งไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความแข็งแกร่ง และมีความเสี่ยงน้อยเหมาะสำหรับการนำเงินมาพัก

นอกจากนี้ นายศรพลกล่าวว่า ในเดือน ม.ค.62 ได้รับข่าวดีที่เฟดส่งสัญญาณคงดอกเบี้ย และล่าสุดโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวปราศัยนโยบายประจำปี หรือ State of the Union ซึ่งมีเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจคือ จะร่วมประชุมสุดยอดรอบ 2 กับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือที่เวียดนาม ระหว่างวันที่ 27-28 ก.พ.นี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยใหม่ที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นในปีนี้ หากการประชุมที่จะมีขึ้นน่าจะช่วยปลดล็อคภาวะชะงักงันในการระงับโครงการทดสอบนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือได้

Advertisment