“อุตตม” ชี้แผนเศรษฐกิจไทยปีหน้า-เล็งเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ ม.ค.63

“อุตตม” เล็งเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ ม.ค.63 เตรียมแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจปีหน้า เน้นดูแลฐานราก-พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เชื่อ ศก.ปี’63 จะดีขึ้น

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปี 2563 กระทรวงการคลังยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาฐานราก โดยภายในเดือน ม.ค.63 จะเปิดให้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ เพื่อเป็นการสนับสนุนสวัสดิการประชาชนกลุ่มฐานราก อย่างไรก็ตาม จะมีการพิจารณาและทบทวนสิทธิผู้ที่เคยได้รับแล้วว่ามีความจำเป็นที่จะต้องได้รับต่อหรือไม่ เพื่อให้เม็ดเงินช่วยเหลือลงในระบบฐานรากอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจปีหน้าด้วยการสร้างความเชื่อมั่นและตอบโจทย์การปฏิรูปประเทศ โดยการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ทั้งด้านระบบราง ถนน และอากาศ ซึ่งบทบาทหน้าที่ของกระทรวงการคลังจะเข้าไปช่วยในเรื่องจัดหาแหล่งเงินทุน โดยปี 2563 จะมีโครงการเข้ามาในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย หรือ TFFIF เพิ่มขึ้น และจะมีการระดมทุนเพิ่ม ประกอบกับจะสนับสนุนการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ให้เข้มข้นขึ้น เพื่อดึงนักลงทุนภาคเอกชนเข้ามาร่วมลงทุน

พร้อมกันนี้ กระทรวงการคลังจะต่อยอดระบบ National-e Payment ด้วยการใช้ข้อมูลที่ได้มาจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และโครงการชิมช้อปใช้ มาต่อยอดเก็บเป็นข้อมูลบิ๊กดาต้า ในเรื่องความต้องการของประชาชนฐานราก จะเป็นผลดีต่อการออกมาตรการดูแลฐานรากต่อไป และจะสามารถแก้ไขในเรื่องของความเหลื่อมล้ำได้ด้วย ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะเร่งสรุปแผนยุทธศาสตร์การพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าให้ชัดเจน เนื่องจากมีนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้ความสนใจในการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย

นายอุตตมกล่าวว่า จะเร่งรัดการปฏิรูปภาษีทั้งระบบ ไม่เฉพาะแค่บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลเท่านั้น ส่วนการจัดเก็บภาษีอีคอมเมิร์ซจะเน้นไปที่บริษัทต่างชาติที่ทำการซื้อขายในไทย ให้เสียภาษีเช่นบริษัทไทยทั่วไป  ขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาของกฤษฎีกา หากแล้วเสร็จจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ต่อไป

ทั้งนี้ เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยปี 2563 จะดีขึ้น เนื่องจากได้รับแรงส่งภายในประเทศจากปี 2562 ที่พบว่าการบริโภคภายในประเทศกลับมาดีขึ้น จากตัวชี้วัดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (Vat) ขยายตัว 6% อย่างไรก็ดี ไม่สามารถระบุได้ว่าเศรษฐกิจปีหน้าจะดีขึ้นอย่างไรบ้าง จะต้องติดตามประกอบกับสถานการณ์โลกด้วย และหากอยู่ในภาวะที่มีความจำเป็น กระทรวงการคลังก็พร้อมออกมาตรการมาดูแลเศรษฐกิจ