เงินบาทอ่อนค่ารับปี 2563

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวของตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศระหว่างวันที่ 30 ะันวาคม 2562-3 มกราคม 2563 ค่าเงินบาทเปิดตลาดวันจันทร์ (30/12) ที่ระดับ 30.15/16 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ทรงตัวจากระดับปิดตลาดในวันศุกร์ (27/12) ที่ระดับ 30.15/16 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ โดยระหว่างวันธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เปิดเผยยอดดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนพฤศจิกายนมียอดเกินดุลอยู่ที่ระดับ 3.38 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ยอดเกินดุลเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนตุลาคมที่มียอดเกินดุลอยู่ที่ระดับ  2.91 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในส่วนของตัวเลขมูลค่าการส่งออกและนำเข้าหดตัวลง 7.7% และ 13.9% ตามลำดับ

นอกจากนี้ได้ประมาณการว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/62 จะขยายตัวได้ที่ระดับ 2.5% และมีมุมมองเศรษฐกิจไทยปีหน้าเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และจีนมีทิศทางบวกประกอบกับการลงทุนภาครัฐขยายตัวมากขึ้น จากการใช้จ่ายงบประมาณในปี 2563 หลังการประกาศตัวเลขดังกล่าว ประกอบกับเรื่องสภาพคล่องในช่วงสิ้นปี และเรื่องของกิจการในประเทศไทยเร่งนำรายได้จากต่างประเทศเข้ามาก่อนสิ้นปี ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าสุดในรอบ 7 ปี สู่ระดับ 29.72 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

อย่างไรก็ดี หลังตลาดเปิดทำการหลังหยุดทำการเนื่องในวันปีใหม่ (2/1) ค่าเงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 30.14/15 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวอ่อนค่า ได้อีกครั้งหลังตลาดเริ่มเข้าสู่ภาวะการซื้อ-ขายปกติ โดยนายเมธี สุภาพงษ์ รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ด้านเสถียรภาพการเงิน ออกมาระบุว่า การผันผวนของค่าเงินบาทนั้นไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน โดยเป็นผลจากการเร่งทำธุรกรรมก่อนสิ้นปีของผู้ประกอบการบางรายในสภาวะที่ตลาดมีสภาพคล่องต่ำ นอกจากนี้ ธปท.ยังได้มีการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนธันวาคม 2562 ที่ระดับ 45.1 ดัชนีดังกล่าวปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้า โดยเฉพาะในส่วนของภาคการผลิตที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในภาคการผลิตโดยรวมที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง

ในส่วนของความคืบหน้าด้านการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐนั้น ล่าสุด นายโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาระบุว่าทั้งสองประเทศจะมีการลงนามสัญญาการค้าเฟสแรก ในวันที่ 15 มกราคม 2563 ที่ทำเนียบประธานาธิบดี สหรัฐ รัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งความชัดเจนดังกล่าวส่งผลให้ตลาดคลายความกังวลมากขึ้น

สำหรับรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจนั้น มีการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐในเดือนธันวาคมปรับตัวลงสู่ระดับ 52.4 จากระดับ 52.6 ในเดือนก่อนหน้า โดยดัชนี PMI ยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐยังคงมีการขยายตัวได้อยู่ ทางด้านตลาดแรงงานกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างานนั้นครั้งแรกลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 222,000 ราย ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 ธันวาคมนั้น มีจำนวนเพิ่มขึ้น 5,000 ราย สู่ระดับ 1.73 ล้านราย ทั้งนี้ระหว่างสัปดาห์ ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบระหว่าง 29.70-30.17 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดวันศุกร์ (3/1) ที่ระดับ 30.15/17 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับค่าเงินยูโรเปิดตลาดในวันจันทร์ (30/12) ค่าเงินยูโรเปิดตลาดที่ระดับ 1.1185/86 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ปรับตัวแข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (27/12) ที่ระดับ 1.1139/42 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ในระหว่างวันค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจยูโรโซนเผยหดตัวในช่วงต้นปี ส่งผลให้กองทุนเฮดจ์ฟันด์เริ่มมีการเปิดสถานะขายล่วงหน้า เพราะคาดการณ์ว่าค่าเงินยูโรจะอ่อนค่าลง แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือนที่ผ่านมาตัวเลขเศรษฐกิจในยูโรโซนเริ่มฟื้นตัวส่งผลให้กองทุนเฮดจ์ฟันด์เข้าปิดสถานะขายล่วงหน้าดังกล่าว ส่งผลให้ค่าเงินยูโรปรับตัวแข็งค่า สำหรับค่าเงินยูโรเปิดตลาดในวันพฤหัสบดี (2/1) ที่ระดับ 1.1218/20 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (30/12) ที่ระดับ 1.1192/93 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงท้ายสัปดาห์ มีการเปิดเผยตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) โดยไอเอชเอส มาร์กิตของยูโรโซนและกลุ่มประเทศสมาชิก ซึ่งดัชนีดผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของยูโรโซน ลดลงสู่ระดับ 46.3 ในเดือนธันวาคม จากระดับ 46.9 ในเดือนก่อน ขณะที่ภาคการผลิตของเยอรมนี ไอร์แลนด์ อิตาลี สเปน เนเธอร์แลนด์ และออสเตรีย ยังคงประสบปัญหาภาวะหดตัวเช่นกัน โดยค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1141-1.1239 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดในวันศุกร์ (3/1) ที่ระดับ 1.1147/49 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับค่าเงินเยนเปิดตลาดวันจันทร์ (30/12) เปิดตลาดที่ระดับ 109.41/44 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ทรงตัวจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (27/12) ที่ระดับ 109.49/50 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ โดยตลาดการเงินของญี่ปุ่นยังคงอยู่ในช่วงวันหยุดปีใหม่และจะกลับมาเปิดทำการอีกครั้งในวันจันทร์หน้า (6/1) แต่อย่างไรก็ดี ในวันศุกร์ (3/1) ค่าเงินเยนปรับตัวแข็งค่าขึ้นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย จากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง ทั้งนี้ ระหว่างสัปดาห์ ค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 107.89-109.50 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดในวันศุกร์ (3/1) ที่ระดับ 107.97/50 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ