“KBANK” ซุ่มลุยธุรกิจแบงก์ในเมียนมา

Photographer: Brent Lewin/Bloomberg via Getty Images

“ธนาคารกสิกรไทย” ซุ่มลุยธุรกิจแบงก์ในเมียนมา ไม่ฟันธงซื้อหุ้น “เอแบงก์” 35% ระบุอยู่ระหว่างศึกษา 3 แนวทาง

นายภัทรพงศ์ กัณหสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวเรื่องธนาคารเอยาวดี ฟาร์มเมอร์ ดีเวลลอปเม้นท์แบงก์ (Ayeyarwaddy Farmers Development Ban) หรือ เอแบงก์ และธนาคารกสิกรไทยเข้าพบธนาคารกลางแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เรื่องการเข้าร่วมลงทุนในธนาคารเอแบงก์นั้น ธนาคารกสิกรไทยขอแจ้งว่าการพบปะในครั้งนี้เป็นการหารือเพื่อพัฒนาธุรกิจของธนาคารในประเทศเมียนมา ซึ่งปัจจุบันตามประกาศของธนาคารกลางแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมานั้นสามารถเข้าไปดำเนินธุรกิจได้ใน 3 รูปแบบดังนี้

1.จัดตั้งธนาคารพาณิชย์ที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารต่างประเทศ (Subsidiary)

2.จัดตั้งสาขาต่างประเทศของธนาคารกสิกรไทยในเมียนมา (Foreign Bank Branch)

3.การเข้าร่วมลงทุนในธนาคารท้องถิ่นในประเทศเมียนมา (Equity Participation)

ธนาคารอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ทั้ง 3 ทาง ในการที่จะเข้าไปทำธุรกิจ และจากเนื้อหาของข่าวเรื่องการเข้าพบทางธนาคารกลางแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาดังกล่าว ความเป็นไปได้ของการเข้าลงทุนยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนของการพิจารณาของธนาคารกลางแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา รวมทั้งธนาคารกำลังเจรจารูปแบบการลงทุนและโครงสร้างที่เหมาะสมที่การเข้าไปดำเนินธุรกิจในประเทศเมียนมาที่ใช้เงินลงทุนที่คุ้มค่า สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของธนาคารกลางแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา

ธนาคารแห่งประเทศไทย และกฎหมายที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับธนาคารกลางแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าจะอนุมัติหรือไม่ และในรูปแบบใด
สำหรับการขยายธุรกิจสู่ประเทศเมียนมานั้น ธนาคารมีความมุ่งมั่นที่ทำให้ประชาชนและธุรกิจในเมียนมาสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้มากขึ้น (Financial Inclusion) เสริมความแข็งแกร่งให้แก่เศรษฐกิจของเมียนมา ขยายโอกาสและความสัมพันธ์ให้แก่ธุรกิจข้ามระหว่างประเทศไทย-เมียนมาได้มากขึ้นด้วย

ก่อนหน้านี้สำนักข่าว Bloomberg อ้างถึงหนังสือพิมพ์ the Myanmar times เปิดเผยว่า KBANK อยู่ระหว่างพิจาณาเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 35% ในธนาคาร Ayeyarwaddy Farmers Development Bank ประเทศเมียนมาร (Unlisted) เพื่อต่อยอดการเติบโตในประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจราว 6% ต่อปี (อิง IMF) โดยตามข่าวธนาคารดังกล่าวมีมูลค่าสินทรัพย์ 314 พันล้านจ๊าตพม่า หรือราว 190 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 5,800 ล้านบาท)

ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับธุรกรรมดังกล่าวมากนัก (โดยเฉพาะราคาในการซื้อขาย) หากธุรกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นจริง ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นกลางต่อธุรกรรมดังกล่าว พิจารณาจากสินทรัพย์ตามมูลค่า 5,800 ล้านบาท จะคิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.2% ของสินทรัพย์ KBANK ณ สิ้นงวดไตรมาส 3/62 คาดแทบไม่มีผลต่อฐานะการเงินบริษัทฯ (CAR Ratio) ที่ 19.1% แบ่งเป็น Tier-1 ที่ 16.8% และ Tier- 2 ที่ 2.3% และประมาณการกำไรสุทธิปี 2563 – 64

แม้ยังคงแนะนำ “ซื้อ” แต่การตัดสินใจลงทุนควรรอหลังงบไตรมาส 4/62 ที่จะประกาศวันที่ 21 ม.ค.63 ที่จะเห็นแนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคาร ซึ่งเป็นเซนติเมนต์เชิงลบที่กดดันหุ้นในกลุ่มในช่วงเวลานี้