หุ้นพลังงานถ่วงตลาดหลังราคาน้ำมันดิบร่วง 10%-IMF ปรับลดเศรษฐกิจโลกหด 3%

“บล.ฟิลลิป” มองดัชนีหุ้นไทยเช้านี้แกว่งผันผวนในกรอบ 1,240-1,280 จุด กลุ่มพลังงานถูกครอบงำหลังราคาน้ำมันร่วงแรง 10% และกลุ่ม ICT ถูกกดดันหลัง กสทช.กำลังพิจารณาให้ค่ายมือถือปรับลดค่าบริการ 10-30% ด้าน “IMF” ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกหดตัว 3% และคาดเศรษฐกิจไทยปีนี้ 6.7% แย่สุดในอาเซียน

บริษัท หลักทรัพย์ ฟิลลิป ประเทศไทย จำกัด มหาชน รายงานแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (15 เม.ย.63) ว่า ตลาดยังมีความผันผวนแกว่งในกรอบ 1,240-1,280 จุด หลังนักลงทุนเริ่มคลายความกังวลบางส่วนต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 หากแต่การดีดตัวจะมีความเสี่ยงต่อแรงขายทำกำไรระหว่างทางเป็นระยะ เนื่องจากผลกระทบเชิงเศรษฐกิจมีความรุนแรงจากคาดการณ์ของหลายสถาบัน โดยเฉพาะตัวเลขล่าสุดจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่คาดเศรษฐกิจโลกจะหดตัวกว่า 3% จากที่ก่อนหน้านี้คาดว่าจะโตถึง 3.3% เป็นผลมาจากการระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ IMF มองว่าเป็นวิกฤตที่รุนแรงกว่าวิกฤตการณ์ซับไพรม์ในปี 2551-2552 และรุนแรงที่สุดตั้งแต่ช่วง Great Depression ทั้งนี้ IMF คาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะหดตัวกว่า 6.7% ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดในกลุ่มอาเซียน แต่มีโอกาสจะฟื้นตัวในปีหน้าถึง 6.1% จากฐานที่ต่ำ

อีกทั้ง 2 ใน 3 ของหุ้นกลุ่มหลักของตลาดหุ้นไทยมีแรงกดดันเชิงลบครอบงำอยู่ ได้แก่ กลุ่มพลังงานจากการดิ่งหนักของราคาน้ำมันในตลาดโลกกว่า 10% และกลุ่ม ICT จากประเด็นที่ กสทช.กำลังพิจารณาขอให้ค่ายมือถือมีการปรับลดค่าบริการ 10-30%

ส่วนสถานการณ์ COVID-19 แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกใกล้แตะ 2 ล้านราย แต่อัตราเร่งลดลงอย่างมากโดยเฉพาะในไทยที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มต่อวันยังคงอยู่ในเกณฑ์ต่ำ แต่อัตราการรักษาหายต่อจำนวนผู้ติดเชื้อ
ทั้งหมดสูงถึง 53.7% ส่วนในสหรัฐฯตัวเลขผู้ติดเชื้อใน New York ต่ำสุดในรอบสัปดาห์ คาดผ่านจุดเลวร้ายที่สุดไปแล้ว หลายฝ่ายคาดสหรัฐฯจะกลับมาเปิดระบบเศรษฐกิจเร็วที่สุดคือช่วงเดือน พ.ค. 63

ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามคือ 1.งบประมาณ 1 ล้านล้านมาท เข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนขึ้นทูลเกล้าฯ และ 2.การต่อเวลา Lockdown และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กลยุทธ์ลงทุนเลือกหุ้นที่ได้ประโยชน์มาตรการรัฐระยะ 3 หุ้นรับประโยชน์จาก work form home และหุ้นพื้นฐานดีที่เป็นเป้าหมายของกองทุน ssf เฉพาะกิจ

Advertisment