‘บลจ.กสิกรไทย’ ขายกองเทอมฟันด์ ‘KFF3MCG’ ล็อกผลตอบแทน 3 เดือน

“บลจ.กสิกรไทย” เสนอขายกองทุนเทอมฟันด์ “KFF3MCG” ล็อกผลตอบแทน 3 เดือน 1.00% ต่อปี ตั้งแต่วันนี้ – 11 พ.ค.63

นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส 2019 (โควิด-19) ที่ยังคงส่งผลให้ตลาดโลกมีความผันผวนค่อนข้างสูง การลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีความเสี่ยงต่ำผ่านกองทุนเทอมฟันด์จึงตอบโจทย์ผู้ลงทุนในภาวะตลาดเช่นนี้ เพราะกองทุนเลือกลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดี และให้ผลตอบแทนที่มากกว่าเงินฝากประจำ 3 เดือน ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเฉลี่ยอยู่ที่ 0.50% ต่อปี (ข้อมูล ณ วันที่ 24 เม.ย. 63) ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ได้จัดตั้ง กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 3 เดือน CG (KFF3MCG) ประมาณการผลตอบแทน 1.00% ต่อปี โดยเปิดเสนอขายในระหว่างวันที่ 5 – 11 พฤษภาคม 2563

โดยกองทุน KFF3MCG จะเน้นกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) อีกทั้งยังมีสภาพคล่องสูง ซึ่งที่ผ่านมากองทุน Term Fund ภายใต้การบริหารจัดการของ บลจ.กสิกรไทย ไม่เคยมีประวัติการผิดนัดชำระหนี้ (Default) ดังนั้น ผู้ลงทุนจึงวางใจได้ว่าเงินลงทุนจะได้รับการบริหารจัดการอย่างดีจากผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญ ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมอยู่เสมอ

ทั้งนี้ คาดว่ากองทุน KFF3MCG จะเข้าลงทุนในเงินฝาก China Construction Bank Corporation (ฮ่องกง) เงินฝาก Agricultural Bank of China, เงินฝาก Bank of China, บัตรเงินฝาก Bank of Communications, บัตรเงินฝาก China Merchants Bank และบัตรเงินฝาก Industrial and Commercial Bank of China (สาธารณรัฐประชาชนจีน) เงินฝาก AI Khalij Commercial Bank, เงินฝาก Commercial Bank of Qatar, เงินฝาก Doha Bank และเงินฝาก Qatar National Bank (ประเทศกาตาร์) รวมถึงเงินฝาก PT Bank Rakyat Indonesia (ประเทศอินโดนีเซีย) โดยกองทุนจะป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน

“สถานการณ์ความรุนแรงของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงส่งผลให้ผู้ลงทุนส่วนใหญ่มีความกังวลต่อการเข้าการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง และหันมาถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างพันธบัตรกันมากขึ้น ทำให้ในสัปดาห์ที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับลดลงทุกช่วงอายุ ในขณะที่ธนาคารกลางทั่วโลกต่างส่งสัญญาณการผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน โดยล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาอยู่ที่ระดับ 0.00 – 0.25% และประกาศขยายปริมาณการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล รวมถึงตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัย เป็นหลักประกันการจำนอง (Mortgage Backed Securitization: MBS) เป็นการซื้อแบบไม่จำกัดวงเงิน เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและเสถียรภาพทางการเงิน ในส่วนของค่าเงินเอเชียส่วนใหญ่ยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยเงินหยวนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อในเอเชียส่วนใหญ่ยังทรงตัวอยู่ในระดับที่จัดการได้ แต่ผู้ลงทุนยังคงต้องติดตามความผันผวนของค่าเงินเอเชียเทียบดอลลาร์สหรัฐ” นายนาวิน กล่าว

นายนาวิน กล่าวอีกว่า เมื่อกองทุน KFF3MCG ครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ระยะสั้น (K-SF) ของ บลจ.กสิกรไทย เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ผู้ลงทุนที่สนใจสามารถเริ่มต้นลงทุนได้เพียง 500 บาท ผ่าน App K PLUS, K-My Funds, ธนาคารกสิกรไทย และผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน โดยติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ตามช่องทางดังกล่าว และสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888

อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน / หากไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้เนื่องจากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป ผู้ถือหน่วยลงทุนอาจไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่ระบุไว้ ทั้งนี้ ตราสารที่จะลงทุน สัดส่วนการลงทุน ประมาณการผลตอบแทนและค่าใช้จ่ายของกองทุน อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน / กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน / กองทุนมีการกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมและรายประเทศ และผู้ลงทุนไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนของกองทุน KFF3MCG ในช่วงเวลา 3 เดือนได้ ดังนั้น หากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก