นายกสมาคมบริหารสินทรัพย์ แนะคลังจัดงบฯ ตรงให้แบงก์อุ้มเอสเอ็มอี

สมาคมบริหารสินทรัพย์

นายกสมาคมบริหารสินทรัพย์ แนะคลังจัดงบฯ ตรงให้แบงก์อุ้มเอสเอ็มอี “ขาดสภาพคล่อง” แก้ปมไม่กล้าปล่อยกู้

วันที่ 16 ตุลาคม 2563 นายสุชาติ บุญบรรเจิดศรี ประธานกรรมการ บริษัทบริหารสินทรัพย์ไนท์คลับ แคปปิตอลจำกัด ในฐานะนายกสมาคมบริษัทบริหารสินทรัพย์ เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ทางบริษัทได้เสนอแนวทางช่วยฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาสภาพคล่องให้กับธุรกิจเอสเอ็ม

หลังจากมาตรการผ่อนผันให้ลูกหนี้เอสเอ็มอีที่ได้รับการพักหนี้ตามพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ที่จะครบกำหนด 6 เดือนในวันที่ 22 ตุลาคม 2563 นี้ ขณะนี้ยังมีเอสเอ็มอีที่ต้องการความช่วยเหลือจำนวนมาก เพื่อให้สามารถดำเนิธุรกิจต่อไปได้

บริษัทขอเสนอให้กระทรวงการคลังจัดสรรงบประมาณจำนวนหนึ่ง มาสนับสนุนเอสเอ็มอีที่ขาดสภาพคล่อง เนื่องจากขณะนี้ธนาคารพาณิชย์ไม่กล้าปล่อยกู้เพิ่ม เพราะกลัวจะเป็นหนี้เสียในอนาคต ทางออกในเรื่องนี้ รัฐบาลจะต้องเข้ามาดูแล แต่ด้วยข้อจำกัดของทรัพยากรและงบประมาณ

ดังนั้นธนาคารพาณิชย์ที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกระทรวงการคลัง จำเป็นต้องคัดเลือกลูกค้าที่เป็นเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพที่สามารถจะดำเนินธุรกิจต่อไปได้ และมีโอกาสฟื้นตัวในอีก 1-2 ปี

ทั้งนี้ ธนาคารพาณิชย์ที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับผลตอบแทน เช่น 3 % ต่อปี หรือกรณีที่เป็นหนี้เสีย (NPL) จะต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบเช่นกัน โดยจ่ายจำนวน 3 % เป็นต้น ทั้งนี้ ผลตอบแทนและรายละเอียดอื่น ๆ จะต้องมีการหารือในรายละเอียด และวางกรอบปฏิบัติร่วมกันอีกครั้ง

สำหรับลูกหนี้ที่ยังไม่สามารถกลับมาจ่ายชำระหนี้ได้ตามปกติ หรือจ่ายได้บางส่วนนั้น จะต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด ซึ่งเชื่อว่าธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งได้ดูแลลูกค้าเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ถ้ามีการเพิ่มสภาพคล่องโดยรัฐบาลสนับเงินงบประมาณมาจำนวนหนึ่งผ่านไปยังธนาคารพาณิชย์เพื่อให้ดำเนินการช่วยเหลือลูกหนี้

โดยการมีเงื่อนไขผลประโยชน์ร่วมกัน จะทำให้การแก้ปัญหาทำได้เร็วขึ้น ตรงจุด เอสเอ็มอีสามารถดำเนินธุรกิจต่อได้ ในระยะกลางถึงยาวนั้น ทางบริษัทเชื่อว่าเอสเอ็มอีจะมีการปรับตัว และขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไปได้

ทั้งนี้เอสเอ็มอีได้มีการปรับตัวจากสถานการณ์โควิด-19 ในหลายรูปแบบแล้ว ในอนาคตถ้ามีการเพิ่มทักษะ และขยายธุรกิจไปในอุตสาหกรรม เช่น การแพทย์ พยาบาล ที่เป็นจุดแข็งของประเทศ จะทำให้เอสเอ็มอีมีโอกาสเติบโตอีกมาก