SCGP หอบเงินไอพีโอใช้หนี้หมื่นล้าน ตั้งงบอีก 2.7 หมื่นล้านขยายกิจการ

ผู้บริหาร ‘เอสซีจี แพคเกจจิ้ง’ เผยความคืบหน้านำเงินระดมทุนไอพีโอใช้หนี้สถาบันการเงินราว 1 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้านำเงินที่เหลืออีก 2.7 หมื่นล้านบาท ขยายกิจการในอีก 2-3 ปีข้างหน้า

นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) เปิดเผยว่า หลังเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ SET เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (22 ต.ค.63) บริษัทฯ ประเมินเงินที่จะได้จากการนำหุ้นเข้าตลาดประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาท (รวมหุ้นส่วนเกิน หรือ Greenshoe ที่มีอายุ 30 วัน) อย่างไรก็ดี เงินบางส่วนได้เข้ามาในบริษัทฯ แล้ว โดย SCGP ได้แบ่งเงินประมาณ 1 หมื่นล้านบาท นำไปใช้หนี้ที่มีอยู่กับสถาบันการเงิน

ทั้งนี้ หลังชำระหนี้คืนสถาบันการเงินแล้วจะส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ย (IBD/E Ratio) ปรับลดลงจากระดับ 0.9 เท่า มาอยู่ที่ 0.5 เท่า ขณะที่ ณ วันที่ 30 มิ.ย.63 บริษัทฯ มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) อยู่ที่ 0.8 เท่า และมีหนี้สินสุทธิรวม 51,641 ล้านบาท

นายวิชาญ จิตร์ภักดี SCGP
วิชาญ จิตร์ภักดี

ขณะที่เงินระดมทุนอีกประมาณ 2.7 หมื่นล้านบาท บริษัทฯ จะนำไปใช้ขยายกิจการในช่วงอีก 2-3 ปีข้างหน้า หรือนำไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของงบลงทุน ขณะที่หนี้สินต่อทุนที่ปรับลงจะช่วยให้บริษัทฯ สามารถขอวงเงินกู้ยืมเพื่อขยายกิจการได้อีกในระยะถัดไป โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดทำแผนงานปี 2564 รวมถึงอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนในเวียดนาม จากเดิมที่บริษัทฯ มีฐานการผลิตกระจายอยู่ในประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์

เมื่อสอบถามถึงความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน นายวิชาญ กล่าวว่า ในไตรมาส 2/63 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 1 พันล้านบาท อย่างไรก็ดี SCGP มีการป้องการความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Currency Swap) โดยคาดว่าในอนาคตความผันผวนจากค่าเงินจะปรับลดลงมาจากปัจจุบัน

Advertisment

ทั้งนี้ บริษัทมีสินทรัพย์ในสกุลเงินบาทเป็นหลักราว 80% สกุลเงินดอลลาร์ประมาณ 10% และอีก 5-6% เป็นสกุลเงินท้องถิ่นประเทศต่างๆ

ขณะที่แนวโน้มการเติบโตในระยะข้างหน้า นายวิชาญ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมายอดขายของบริษัทฯ เติบโตประมาณ 6-7% หรือประมาณ 9 หมื่นล้านบาทในปี 2562 และคาดว่าจะสามารถรักษาระดับการเติบโตดังกล่าวได้ โดยบริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 20% ของกำไรสุทธิ ซึ่งจำนวนครั้งที่จะจ่ายจะแจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบในระยะถัดไป