สั่งสภาทนายความ-เนติบัณฑิตยสภา แก้ระเบียบ ทนายหญิงใส่กางเกงได้

ทนายหญิง ใส่กางเกง ว่าความ

คณะกรรมการ วลพ. สั่งสภาทนายความฯ-เนติบัณฑิตยสภา แก้ระเบียบให้ทนายความหญิงสามารถใส่กางเกงเพื่อว่าความได้ หลังมีการเรียกร้องตั้งแต่มิถุนายน 2565

วันที่ 2 ธันวาคม 2565 สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (สนส.) โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ ระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2529 ที่ข้อบังคับสภาทนายฯความว่าด้วยมรรยาททนายความ ในเรื่องการแต่งกายระบุไว้ในข้อที่ 20 ที่ให้ทนายความหญิงต้อง “แต่งตามแบบสากลนิยม กระโปรงและเสื้อสีไม่ฉูดฉาด รองเท้าหุ้มส้น” รวมทั้งข้อบังคับเนติบัณฑิตยสภา หมวด 3 สิทธิของสมาชิก ข้อ 17 ที่กำหนดให้ทนายความหญิงต้องแต่งกายด้วยกระโปรง โดยถูกเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศสำหรับทนายหญิงในการว่าความ

ในช่วงเดือนมิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนได้นำรายชื่อของนักกฎหมายและประชาชนกว่า 16,500 รายชื่อที่ร่วมลงชื่อสนับสนุนแคมเปญ “ทนายความหญิงมีสิทธิสวมใส่กางเกงไปศาล” ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสาธารณะ อาทิ ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงประธานศาลฎีกา สภาทนายความฯ และเนติบัณฑิตยสภา

ต่อมาทนายความหญิงที่เป็นผู้เสียหาย ได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2565 เพื่อให้วินิจฉัยว่า ข้อบังคับของสภาทนายความฯและเนติบัณฑิตยสภา ทั้ง 2 ฉบับ เป็นการเลือกปฏิบัติ ไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ โดยเรียกร้องให้แก้ไขข้อบังคับดังกล่าว

เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2565 คณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ มีคำวินิจฉัยโดยอาศัยอำนาจตามความมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 วินิจฉัยว่าการบังคับใช้ข้อบังคับฯ หรือการกำหนดวิธีปฏิบัติของทั้ง 2 หน่วยงาน ต้องบังคับใช้ข้อบังคับในลักษณะที่ไม่เป็นการขัดหรือแย้งกับหลักการ ห้ามเลือกปฏิบัติเพราะเหตุแห่งเพศตามที่พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 ได้บัญญัติรับรองไว้

การกระทำภายใต้ข้อบังคับหรือวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการแต่งกายของผู้หญิงเมื่อสวมเสื้อครุยขณะว่าความในศาล จะต้องไม่กำหนดข้อบังคับในลักษณะเป็นการจำกัดสิทธิ แบ่งแยก กีดกัน หรือจำกัดสิทธิประโยชน์อื่นใด ที่มีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ ตามมตรา 17 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ.2558

จึงมีคำสั่งให้ทั้ง 2 หน่วยงานดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ด้วยวิธีใดที่เห็นเหมาะสม ปรับปรุงแก้ไขข้อบังคับ กฎ ระเบียบ ประกาศ หรือแนวปฏิบัติให้สอดคล้องตามมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 และไม่ขัดหรือแย้งกับหลักการห้ามเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ เพื่อรับรองสิทธิทนายความหญิงให้สามารถสวมกางเกง หรือกระโปรงเมื่อสวมเสื้อครุยขณะว่าความในศาลได้ เพื่อระงับและป้องกันมิให้มีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน และเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ และสร้างความเข้าใจให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทราบ

ทั้งนี้ สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนจะดำเนินการยื่นหนังสือร้องขอให้สภาทนายความฯ และเนติบัณฑิตยสภา เร่งดำเนินการตามคำวินิจฉัยของทางคณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมทางเพศต่อไป เพื่อให้เกิดการแก้ไขข้อบังคับและมีผลบังคับใช้โดยเร็วที่สุด