“ปิยะสกล” เผยเอกอัครราชทูตฯเม็กซิโกชื่นชมไทยประกาศคุม “ไขมันทรานส์”

แฟ้มภาพ

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังหารือกับนายไฆเม บีร์กิลิโอ นัวลาร์ต ซานเซซ (Mr.Jaimes Virgilio Nualart Sanchez) เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหรัฐเม็กซิโกประจำประเทศไทยในโอกาสเข้ารับหน้าที่ใหม่ ว่า จากการที่ประเทศไทยประกาศควบคุมและกำกับดูแลไขมันทรานส์ในผลิตภัณฑ์อาหาร โดยออกเป็นประกาศ สธ.เรื่อง กำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค. 2562 เป็นต้นไปนั้น เอกอัคราชทูตเม็กซิโก ได้ชื่นชมประเทศไทยมาก ที่ไทยสามารถควบคุมการใช้ไขมันทรานส์และสามารถทำให้ทุกภาคส่วนเข้าใจได้

นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า ขอให้ประชาชนอย่าได้กังวล เพราะน้ำมันพืชที่ใช้ตามครัวเรือนยังสามารถรับประทานได้เหมือนเดิม เนื่องจากไขมันที่มาจากธรรมชาติไม่มีปัญหา แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน ซึ่งเป็นแหล่งของกรดไขมันทรานส์ และกรดดังกล่าวก่อให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดที่เป็นปัญหาและสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของโลก และองค์การอนามัยโลก (WHO) มีการขอความร่วมมือจากทั่วโลกในการเลิกใช้ด้วย ทั้งนี้ จากการที่ไทยควบคุมการใช้ไขมันทรานส์นั้น ชีวิตประชาชนไม่มีอะไรต้องเปลี่ยน เพียงแต่จะมุ้งเน้นควบคุมผู้ผลิตเพราะน้ำมันที่เติมไฮโดรเจนส่วนใหญ่อยู่ในแหล่งอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เช่น การผลิตครัวซอง โดนัท เป็นต้น

“เบื้องต้นผู้ผลิตหลายรายที่เห็นแก่สุขภาพของประชาชนก็มีการปรับเปลี่ยนสูตรไปบ้างแล้ว และขอย้ำว่าการปรับเปลี่ยนสูตรราคาสินค้าก็ไม่ได้ปรับขึ้น การรับประทานอาหารก็ทำได้ตามปกติ และหากกังวลก็ให้ดูที่ฉลากและส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ตามหน้าที่ในการตรวจสอบควบคุม ป้องกัน ผลิตภัณฑ์ที่มีไขมันทรานส์จะเป็นหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ดังนั้นประชาชนจะมี อย.คอยดูแลอยู่แล้ว” รัฐมนตรีฯกล่าวและว่า การเติมไฮโดรเจนนั้น ใส่ลงไปเพื่อทำให้อาหารอยู่คงตัวในสภาพเดิมได้นานขึ้น แทนที่จะเหี่ยวลงก็จะช่วยให้คงรูปทำให้ขายได้แต่เป็นการขายได้จากรูปที่เห็นเท่านั้น แต่คุณภาพและประโยชน์ทางโภชนาการไม่ได้เพิ่มขึ้น ทั้งยังมีผลเสียกับสุขภาพและก่อโรคภัยไข้เจ็บ โดยเฉพาะโรคหัวใจที่เป็นสาเหตุในการคร่าชีวิตคนไทยจำนวนมาก ซึ่งเวลาทำอาหารรับประทานเองก็ไม่จำเป็นต้องใส่ เช่นเดียวกับกล้วยแขกก็ไม่ได้ใช้น้ำมันทรานส์อยู่แล้ว ซึ่งการควบคุไขมันทรานส์ จะกระทบกับวิถีคนไทยน้อยมาก

 

ที่มา : มติชนออนไลน์