“ปริญญา”ให้แม่เปิดหลายบัญชีโอนร้อยกว่าล้าน อ้างทำธุรกิจ ตร.ชี้แม่รู้ลูกโกหก ผู้กองมนัสเลื่อนไป12ก.ย.

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 28 สิงหาคม ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป.กล่าวถึงความคืบหน้าคดีร่วมกันฉ้อโกง นายอาร์นี ออตตาวา ซาอ์ริมาอ์ นักลงทุนสัญชาติฟินแลนด์ ภายหลังนายวิสิทธิ์ จารวิจิต และนางเลิศฉัตรกมล จารวิจิต บิดาและมารดาของนายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือบูม อายุ 27 ปี ดาราและนายแบบชื่อดัง เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน

พ.ต.อ.ชาคริตกล่าวว่า จากการสอบปากคำทั้งสอง โดยเฉพาะนางเลิศฉัตรกมล มารดาของนายบูม ได้ยอมรับว่าเปิดบัญชีธนาคารหลายแห่ง และให้นายปริญญา จารวิจิต ลูกชายคนโต เป็นผู้เบิกเงินในบัญชีนั้นๆ ได้ และสามารถใช้โทรศัพท์มือถือของนายปริญญาทำธุรกรรมทางบัญชีได้ นอกจากนี้ยังยอมรับว่าได้รับโอนเงินจากนายปริญญาเป็นจำนวนร้อยกว่าล้านบาท ซึ่งนายปริญญายังสั่งให้มารดาทำธุรกรรมฝากเงินเข้า และถอนเงินออกในแต่ละวันด้วย ยกตัวอย่างใน 1 วัน มีการถอนเงินในบัญชี 67 ล้านบาท ไปเปิดบัญชีธนาคารอีกแห่งหนึ่ง แล้วก็ถอนไปเปิดบัญชีอีกแห่งหนึ่งในวันเดียว รวม 4 ธนาคาร โดยนางเลิศฉัตรกมลก็ได้สอบถามนายปริญญาว่าทำไมต้องทำแบบนี้ ก็ได้รับคำตอบว่าเพื่อให้บัญชีมีความเคลื่อนไหว เมื่อมีการเดินบัญชีตลอดจะทำให้มีเครดิตที่ดีกับธนาคาร

รอง ผบก.ป.กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา นายปริญญาโกหกมารดาว่าเงินที่มีจำนวนมากนั้นได้มาจากการทำธุรกิจ แต่จริงๆ แล้วโดยหลักมารดาก็ควรจะรู้อยู่แล้วว่าเงินมันมากผิดปกติ ส่วนจะเข้าข่ายร่วมกันกระทำความผิดด้วยหรือไม่นั้นยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน อย่างไรก็ดี ก็ควรจะรู้อยู่ว่าลูกทำธุรกิจอย่างไร ทำมาหากินอะไร ซึ่งควรจะมีรายได้ประมาณเท่าไหร่ เมื่อมีเงินจำนวนมากมายผิดปกติขนาดนี้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ย่อมสมควรรู้ว่ามันผิดปกติ

“ส่วนคุณพ่ออายุมากหน่อย ก็ไม่ได้รับทราบ มีเพียงคุณแม่ที่โอนเงินมาไว้ในบัญชี 55 ล้านบาท แต่จะรับทราบหรือไม่ซึ่งก็ได้ใช้เงินเหมือนกัน หากจะต้องพิจารณาดำเนินคดีก็เชื่อว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอ โดยจะเข้าข่ายความผิดใดบ้างคงต้องขอเวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานอีกสักระยะหนึ่ง” พ.ต.อ.ชาคริตกล่าว

พ.ต.อ.ชาคริตกล่าวถึงกรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หรือผู้กองมนัส อดีตนายทหาร อีกหนึ่งผู้ที่ถูกออกหมายเรียกให้เข้าพบพนักงานสอบสวนด้วยนั้น ทาง ร.อ.ธรรมนัสได้ประสานขอเลื่อนการเข้าพบเป็นวันที่ 12 กันยายนนี้ เวลา 10.00 น. โดยให้เหตุผลว่ามีภารกิจจำเป็นอยู่ที่ จ.พะเยา จึงยังไม่สะดวกที่จะเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนตามกำหนด ซึ่งพนักงานสอบสวนพิจารณาอนุญาต ส่วนความเกี่ยวพันกับคดีนั้น เป็นเพราะได้รับการโอนเงินจากนายปริญญา จำนวน 125 ล้านบาท ไปซื้อหุ้นของบริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) โดยระหว่างนั้นได้เกิดปัญหาขึ้น นายปริญญาจึงโอนหุ้นไปให้ ร.อ.ธรรมนัส อย่างไรก็ดี กรณีดังกล่าวจะเข้าข่ายเป็นความผิดฐานฟอกเงินหรือไม่ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน

พ.ต.อ.ชาคริตกล่าวอีกว่า ในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ มีผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ประกอบด้วย นายบูม, นายปริญญา, นายธนสิทธิ์ จารวิจิต, นายชาคริต อาหมัด และนายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ซึ่งถูกพิจารณาดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ จะต้องเข้ารับทราบข้อหาพร้อมกัน และหากมาเข้าพบพนักงานสอบสวนแล้วจะพิจารณาให้ปล่อยตัวชั่วคราวหรือไม่คงต้องพิจารณากันอีกครั้ง อย่างไรก็ดี ทราบว่านายปริญญายังคงหลบหนีอยู่ต่างประเทศ และไม่ได้ติดต่อว่าจะเข้าพบพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด ส่วนนี้ก็จะต้องพิจารณาต่อไปว่าจะออกหมายจับต่อไปหรือไม่

รอง ผบก.ป.กล่าวอีกว่า สำหรับนายปริญญา ซึ่งเป็นผู้ต้องหารายสำคัญในคดีนี้จะติดต่อกับคนในครอบครัวอยู่หรือไม่นั้น ไม่ทราบ และทางครอบครัวก็ไม่ได้บอกกับพนักงานสอบสวน แต่จนถึงขณะนี้ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวยังคงมีเพียงเท่านี้ที่พบว่ามีพยานหลักฐานเชื่อมโยงถึงและสามารถพิจารณาดำเนินคดีได้

 

ที่มา : มติชนออนไลน์