วันที่ 7 พฤศจิกายน นายนิโคลัส เบเคลัง รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิกเผยว่า สำนักเลขาธิการใหญ่ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี แสดงความยินดีที่ประเทศไทยปล่อยตัวเด็กผู้ลี้ภัยที่ถูกขังอยู่ในสถานกักตัวคนต่างด้าวกว่า 100 คน พร้อมย้ำว่า การบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมืองตาม “ปฏิบัติการ X-Ray Outlaw Foreigner” ควรเป็นไปในลักษณะที่เคารพและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของผู้เข้าเมือง ผู้ลี้ภัย และบุคคลผู้แสวงหาความคุ้มครองระหว่างประเทศจากการประหัตประหาร และควรสอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนของไทย
นายนิโคลัสกล่าวว่า ไทยเริ่ม “ปฏิบัติการ X-Ray” เมื่อเดือนกรกฎาคม 2560 สำนักงานตำรวจแห่งชาติและทหาร ได้จับกุมคนต่างชาติและบุคคลผู้ไร้รัฐประมาณ 2,000 คน ซึ่งมาจากประเทศอิรัก ซีเรีย ไนจีเรีย ยูกันดา โซมาเลีย อัฟกานิสถาน กัมพูชา อินเดีย เมียนมา ปากีสถาน ลาว และเวียดนาม อาศัยอยู่ในประเทศไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำงานอย่างผิดกฎหมาย เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าก่ออาชญากรรม
- ด่วน ! วอยซ์ ทีวี ประกาศปิดกิจการทุกแพลตฟอร์ม เลิกจ้าง 100 กว่าคน
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
“แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลจึงกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับผู้ลี้ภัย ผู้ขอลี้ภัย และผู้เข้าเมืองในประเทศไทย เนื่องมาจากการบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมืองของรัฐบาลตาม ปฏิบัติการ X-Ray และปฏิบัติการหนึ่งเดือนที่เริ่มตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค.61 เจ้าหน้าที่ความมั่นคงและตำรวจจะทำการค้นหาและส่งกลับ พลเมืองต่างชาติกรณีที่พบว่าอยู่เกินวีซ่าหรือไม่มีเอกสารถูกต้อง” นายนิโคลัสกล่าว
นายนิโคลัสกล่าวว่า ตนแสดงความยินดีสำหรับพัฒนาการเชิงบวกในเรื่องที่ทางการไทยกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ แต่ยังขอเสนอให้รัฐบาลไทยปฏิบัติตามพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ และเรียกร้องให้แก้ปัญหาที่เป็นช่องว่างในการคุ้มครองผู้ลี้ภัยและผู้ขอลี้ภัยทั้งในเชิงกฎหมายและในทางปฏิบัติ ที่เป็นเหตุให้บุคคลเหล่านั้นต้องเผชิญกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนนานัปการ รวมทั้งในระหว่างการบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมืองด้วย