คสช. เผย 3 วัน “ดื่มไม่ขับ” ยึดรถไว้แล้ว 1,748 คัน

แฟ้มภาพ
เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ภาพรวมการสัญจรในขณะนี้คล่องตัว มีเพียงเส้นทางที่มุ่งสู่แหล่งท่องเที่ยวตามจังหวัดต่างๆ ที่ประชาชนเดินทางไปเยี่ยมชมกันอย่างคับคั่ง โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติมีสภาพอากาศหนาวเย็นลง โดยมีเจ้าหน้าที่ช่วยบริหารจัดการพื้นที่ให้เหมาะสมและปลอดภัย ส่วนในพื้นที่ชายแดนเจ้าหน้าที่ยังคงอำนวยความสะดวกประชาชนเดินทางผ่านด่านตรวจต่อเนื่อง พร้อมกับตรวจเข้มสิ่งผิดกฎหมาย ในขณะเดียวกันในการเตรียมจัดกิจกรรมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ใน 31 ธันวาคม 2561 ทั้งในเขต กทม. และ จังหวัดสำคัญ อาทิ การสวดมนต์ข้ามปี กิจกรรมเคาท์ดาวน์ เจ้าหน้าที่ได้เข้าช่วยผู้จัดงานวางมาตรการดูแลการจัดกิจกรรมให้มีความเรียบร้อย โดยเฉพาะการเตรียมพื้นที่รองรับประชาชน

สำหรับการป้องกันและลดอุบัติเหตุช่วงปีใหม่ ด้วยมาตรการ “ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ” นั้น คณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ยังคงร่วมกันปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็ง สถิติในวันที่ 29 ธันวาคม 2561 ตรวจพบผู้กระทำผิดในลักษณะที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ดังนี้

รถจักรยานยนต์ พบการกระทำความผิด 26,520 ครั้ง เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องยึดรถไว้ 722 คัน และส่งผู้กระทำผิดดำเนินคดี 21,028 คน สำหรับ รถโดยสารสาธารณะและรถยนต์ส่วนบุคคล พบการกระทำความผิด 17,731 ครั้ง เจ้าหน้าที่ได้ยึดใบขับขี่ไว้ 535 คน ยึดรถยนต์ 274 คัน ส่งผู้กระทำความผิดดำเนินคดี 13,638 คน

โดย 3 วัน ที่ผ่านมา ( 27 – 29 ธ.ค.61) เจ้าหน้าที่ได้เก็บรักษารถที่ฝ่าฝืนมาตรการ ดื่มไม่ขับไว้แล้ว 1,748 คัน (แยกเป็น รถจักรยานยนต์ 1,236 คัน และรถยนต์ 512 คัน) และดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด 60,492 คน (แยกเป็นรถจักรยานยนต์ 35,474 คน รถโดยสารสาธารณะ/รถยนต์ส่วนบุคล 25,018 คน)

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำรถไปเก็บรักษาในสถานที่ที่จัดเตรียมไว้ เช่น สถานีตำรวจท้องที่ ด่านตรวจทางหลวง สำนักงานขนส่ง หน่วยทหาร โดยหลังจากช่วงเทศกาลไปแล้ว เจ้าของรถสามารถติดต่อขอรับรถคืนได้ตามที่เจ้าหน้าที่นัดหมาย

สำหรับการตั้งจุดบริการประชาชนตามหน้าค่ายทหารและเส้นทางคมนาคมของกองทัพบก มีประชาชนเข้าใช้บริการต่อเนื่องถึง 31,298 คน ส่วนใหญ่ สอบถามเส้นทางแวะพักรถ พักคน รับบริการตรวจซ่อมรถ เข้าห้องน้ำและรับการปฐมพยาบาล เป็นต้น

 

 

ที่มา มติชนออนไลน์