“บิ๊กโจ๊ก” ปิดสมุย เปิดยุทธการสร้างความเชื่อมั่น จู่โจมค้นเป้าหมายชาวต่างชาติ 8 จุด ได้ผู้ต้องหาอื้อ

เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 5 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามนโยบายของ พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี ผบช.ทท.สั่งการให้มีการปราบปรามกลุ่มผู้มีอิทธิพลชาวต่างชาติ ที่มาสร้างเครือข่ายเป็นผู้มีอิทธิพลเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบในพื้นที่เกาะสมุย จึงมอบหมายให้ พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง ผบก.ทท.3 เปิดยุทธการสร้างความเชื่อมั่น@สมุย พร้อมปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ และหน่วยอรินทราช 26 นำหมายศาลจังหวัดเกาะสมุย เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายชาวต่างชาติ 8 จุด

จากการตรวจค้นบ้านพักของนายโนแลน โจเซฟ พิคเกอร์ริง อายุ 42 ปี สัญชาติอังกฤษ ที่เปิดธุรกิจบ้านเช่าในพื้นที่ ม.4 ต.บ่อผุด พบกัญชาแห้งจำนวนหนึ่ง จึงควบคุมตัวมาสอบสวนและดำเนินคดี นอกจากนี้ยังได้ควบคุมตัวชาวต่างชาติที่มาประกอบธุรกิจท่องเที่ยว และเปิดบริษัททัวร์ดำน้ำ มาสอบปากคำและตรวจสอบใบอนุญาตประกอบธุรกิจ ต่อมาเวลา 11.00 น. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. เดินทางมาพร้อมกับ พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง ผบก.ทท.3 นำกำลังเข้าตรวจค้นเรือประมงที่เข้าเทียบท่าเรือเกาะสมุย พร้อมตรวจเอกสารประจำเรือ และหนังสือประตัวลูกเรือว่าถูกต้องตามที่แจ้งหรือไม่ จากนั้นตรวจสอบบริเวณท่าเทียบเรือถึงความปลอดภัยของการเข้าและออกเรือโดยสารประเภทต่างๆ ที่เข้ามาเทียบท่าเรือของเกาะสมุย พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยปฏิบัติงานแบบบูรณาการข้อมูลระหว่างกัน ที่สำคัญต้องรู้ว่าเรือประมงที่เข้ามาจอดที่ท่าเทียบเรือเกาะสมุย เกาะพะงัน นั้นจะต้องมีข้อมูลเรือทุกลำ เพื่อเป็นการป้องกันเหตุที่อาจเกิดขึ้นโดยผู้ก่อเหตุเป็นลูกเรือ ซึ่งจะทำให้รู้ข้อมูลในการติดตามผู้ที่กระทำความผิดได้อย่างรวดเร็ว

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า วันนี้ได้มีการตรวจค้นเกาะสมุย โดยเน้นเรื่องอาชญากรรมข้ามชาติ ยาเสพติด กลุ่มบุคคลผิวสีจากประเทศต่างๆ ที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทยเกินกฏหมายอนุญาต หรือโอเวอร์สเตย์ โดยมาประกอบอาชีพผิดกฏหมาย ที่อาศัยเกาะสมุยเป็นแหล่งหลบภัย ที่มีหมายจับจากคดีข้ามชาติ

จากนั้นพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ได้มาดูความปลอดภัยทางทะเลเนื่องจากที่ผ่านมานักท่องเที่ยวได้เดินทางท่องเที่ยวตามเกาะแก่งต่างๆ ในทะเลเพิ่มมากขึ้น และในเรื่องการวางแนวทุ่นประเภทต่างๆ ได้มีการประสานกับกรมอุทยานแห่งชาติ และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อบูรณาการร่วมกันในการจัดวางทุ่นเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เพื่อที่จะแยกระหว่างเรือ กับคน เพื่อให้เป็นพื้นที่ว่ายน้ำและพื้นที่ที่เรือวิ่ง จะได้ไม่มีเหตุที่ใบพัดเรือไปตัดแขนขานักท่องเที่ยวเช่นที่ผ่านมา ซึ่งการลงพื้นที่ตรวจในครั้งนี้เพื่อเป็นการเสริมการปฏิบัติและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว ตามนโยบายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่สั่งการมา

ล่าสุด เมื่อเวลา 15.30 น. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์แถลงสรุปผลการปฎิบัติงานหลังจากที่หลายฝ่ายลงพื้นที่ตรวจค้น สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 19 ราย ประกอบด้วย 1.จับกุมผู้ต้องหา 6 ราย ได้แก่ สัญชาติอินเดีย 2 คน รัสเซีย 1 คน โรมาเนีย 1 คน สวิสเซอร์แลนด์ 1 คน และอังกฤษ 1 คน ในข้อหาเป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด 2. จับกุมผู้ต้องหา 5 ราย ได้แก่ สัญชาติสวิสเซอร์แลนด์ 1 คน อังกฤษ 2 คน และไทย 2 คน ในข้อหาตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 พร้อมของกลางไอซ์ 1.2 กรัม ยาอัลฟ่าโซแลม 85 เม็ด กัญชา 5.73 กรัม โคคาอีน 1.29 กรัม 3. จับกุมเจ้าของร้านเฮ้ลธ์ โอเอซีส รีสอร์ต (Health Oasis Resort) 1 ราย ข้อหาตั้งสถานบริการนวดและอบตัวโดยไม่ได้รับอนุญาต, ประกอบกิจการและดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต, เป็นเจ้าบ้าน เจ้าของ ผู้จัดการผู้ครอบครองเคหะสถาน รับคนต่างด้าวเข้าพักอาศัยไม่แจ้งต่อเจ้าพนักงานภายใน 24 ชม. จำนวน 10 ราย 4. จับกุมบริษัท สมุย ดิสคัฟเวอรี่ ที่เปิดเป็นสถานที่สอนดำน้ำ ในข้อหาไม่แสดงใบอนุญาตในที่เปิดเผย จำนวน 1 ราย ข้อหาไม่มีใบอนุญาตทำงานอยู่กับตัว ตาม พ.ร.บ.การทำงานของคนต่างด้าว จำนวน 3 ราย 5. จับกุมผู้ต้องหา 1 ราย พร้อมของกลางยาบ้า 202 เม็ด ในข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท1 เมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย 6. จับกุมผู้ต้องหา 1 ราย พร้อมของกลางยาบ้า 2 เม็ด ไอซ์ 2.57 กรัม อาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุน 1 กระบอก ในข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย, ครอบครองอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนโดยผิดกฎหมาย 7. จับกุมผู้ต้องหา 1 ราย พร้อมของกลางไอซ์ 4 กรัม เครื่องกระสุนปืนจำนวนหนึ่ง ในข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย, ครอบครองอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนโดยผิดกฎหมาย

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์เปิดเผยอีกว่า ตามนโยบาลของรัฐบาล สั่งการให้หน่วยความมั่นคง ทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ร่วมกันเร่งดำเนินการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมในแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศอย่างจริงจัง โดยเฉพาะกับเครือข่ายกลุ่มอิทธิพลนอกกฎหมายในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย การค้ามนุษย์ การค้าประเวณี ยาเสพติด การเรียกค่าคุ้มครองซึ่งโยงการฟอกเงินและเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อเปิดพื้นที่ปลอดภัยและสร้างความเป็นธรรมให้กับนักท่องเที่ยว

 

ที่มา : มติชนออนไลน์