ปรับปรุงข้อมูลล่าสุด วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565
เปิดข้อควรรู้ ฉีดวัคซีนในเด็ก สธ.คิกออฟไฟเซอร์ฉีด 5-11 ปี วันที่ 31 ม.ค. เพิ่ม 2 สูตรฉีดซิโนแวค-ซิโนฟาร์ม
วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จัดฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 “ไฟเซอร์” ให้กับกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ขวบ โดยเริ่มฉีดในวันที่ 31 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา ที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ของกรมการแพทย์ก่อน
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
สำหรับวัคซีนที่จะใช้ฉีดให้เด็กเล็ก 5-11 ขวบ จะเป็นวัคซีนไฟเซอร์สูตรเด็กโดยเฉพาะ จุดสังเกตคือจะมีฝาสีส้ม ต่างจากสูตรผู้ใหญ่และเด็กโตที่จะใช้วัคซีนสูตรฝาสีม่วง
ทั้งนี้ วัคซีนไฟเซอร์ดังกล่าว ได้เข้าประเทศไทยแล้วจำนวน 300,000 โดส เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา โดยในไตรมาส 1 ปี 2565 จะมีไฟเซอร์สูตรเด็กทยอยเข้ามาทุกสัปดาห์จนครบ 3.5 ล้านโดส
ข้อควรระวังฉีดไฟเซอร์เด็ก 5-11 ขวบ
ก่อนหน้านี้ (26 ม.ค.) นพ.อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่า จากข้อมูลในประเทศไทยมีเด็กทั่วไปอายุ 5-11 ขวบ ราว 5 ล้านคน แต่เด็กกลุ่มเสี่ยงมีอยู่ 9 แสนคน เป็นโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค ได้แก่
- โรคอ้วนที่มีภาวะทางเดินหายใจอุดตัน
- โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง รวมทั้งหอบหืดอาการปานกลางถึงรุนแรง
- โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง
- โรคไตวายเรื้อรัง
- โรคมะเร็งและภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ
- โรคเบาหวาน
- กลุ่มโรคพันธุกรรม รวมทั้งกลุ่มอาการดาวน์ เด็กที่มีภาวะบกพร่องทางประสาทอย่างรุนแรง เด็กที่มีพัฒนาการช้า
แนวทางการฉีดวัคซีนในเด็ก หากเป็นเด็กกลุ่มเสี่ยง 7 โรคเรื้อรัง ควรทานยาตามที่หมอแนะนำมาอย่างปกติ และทานอาหารมาก่อน และจะมีกุมารแพทย์คอยเช็กอาการเบื้องต้นว่าสมควรฉีดหรือไม่
ส่วนข้อควรระวังในการฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็กมีอยู่ 2 ข้อ ซึ่งหากมีอาการดังต่อไปนี้ “ยังไม่ควรฉีดวัคซีน”
- เด็กอยู่ในช่วงกำลังป่วย มีไข้ ร่างกายอ่อนเพลีย ควรรักษาอาการให้หายดีและเลื่อนการฉีดออกไปจนกว่าร่างกายจะกลับมาปกติ
- เด็กผู้มีโรคประจำตัวรุนแรงที่อาจมีอันตรายถึงชีวิตที่อาการของโรคยังไม่คงที่ ห้ามฉีด นอกจากแพทย์ประเมินว่าฉีดได้เท่านั้น
อาการข้างเคียงเด็ก 5-11 ฉีดไฟเซอร์
ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า อาการข้างเคียงของเด็กอายุ 5-11 ขวบ หลังฉีดวัคซีนส่วนมากอาการจะไม่รุนแรงและหายไปเองใน 1-2 วัน โดยอาจพบอาการ ดังนี้
- ไข้ หนาวสั่น
- ปวด บวม รอยแดง บริเวณที่ฉีด
- ปวดหัว
- ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ
- อ่อนเพลีย
ทั้งนี้ จึงจำเป็นต้องสังเกตอาการหลังการฉีดอย่างน้อย 30 นาที ในสถานพยาบาลหรือสถานที่ฉีดวัคซีนเสมอ
คำแนะนำฉีดไฟเซอร์เด็ก 5-11 ขวบ
- ให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ฝาสีส้มสูตรสำหรับเด็ก ขนาด 10 ไมโครกรัม ปริมาณ 0.2 มิลลิลิตร เข้ากล้ามเนื้อ 2 ครั้ง เว้นระยะห่าง 3-12 สัปดาห์
- หากเด็กอายุ 5-11 ขวบ ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ สูตรสำหรับเด็กอายุ 5-11 ขวบ (ขนาด 10 ไมโครกรัม ฝาสีส้ม) และมีอายุครบ 12 ปี หลังได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 แนะนำให้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ด้วยไฟเซอร์ สูตรสำหรับผู้ใหญ่ อายุมากว่าหรือเท่ากับ 12 ปี (ขนาด 30 ไมโครกรัม ฝาสีม่วง) อย่างไรก็ตาม หากได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 ขนาด 10 ไมโครกรัม ก็ให้ถือว่าผู้นั้นรับวัคซีนครบถ้วน และไม่จำเป็นต้องฉีดซ้ำ
- กรณีเด็กอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป ให้ใช้วัคซีนไฟเซอร์สำหรับผู้ใหญ่ฝาสีม่วงตามแนวทางการให้บริการวัคซีนโควิด-19 (ไฟเซอร์) สำหรับนักเรียน/นักศึกษา อายุ 12 ปีขึ้นไปที่ศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า
ศธ.ฉีดไฟเซอร์เด็ก 5-12 ปีในสังกัด
ขณะเดียวกัน กระทรวงศึกษาธิการ ก็ได้เตรียมความพร้อมฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ให้เด็กอายุ 5 ขวบ ไม่เกิน 12 ปี (11 ปี 11 เดือน 29 วัน) โดยคาดว่า จะเริ่มฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป และเข็มที่ 2 ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป
แนะ 2 สูตรฉีดวัคซีนเด็กเพิ่ม
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผย มติการประชุมคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค โดยมีคำแนะนำการฉีดวัคซีนโควิด-19 เพิ่มเติม 5 สูตร โดยมีกรณีสูตรที่ฉีดสำหรับเด็ก 2 ข้อ ดังนี้
- กรณีผู้ที่อายุ 12-17 ปี ที่ได้รับวัคซีนซิโนฟาร์ม 2 เข็มมาแล้ว สามารถรับวัคซีนไฟเซอร์เป็นเข็มกระตุ้นได้ ภายหลังได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 แล้ว 4 สัปดาห์ขึ้นไป แต่คณะอนุกรรมการฯ ยังไม่ได้แนะนำให้ฉีดในขณะนี้ เนื่องจากยังไม่ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในเด็กจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
- ฉีดซิโนแวคในอายุ 3-17 ปีได้ ที่ขณะนี้รอการขึ้นทะเบียนโดย อย. ซึ่งสธ.จะแจ้งแนวทางการให้วัคซีนซิโนแวคในเด็กเมื่อขึ้นทะเบียนแล้ว