กสทช.พบ 5 บริษัทเอี่ยวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังตรวจสอบลักษณะการให้บริการ

นายพิชัย สุวรรณกิจบริหาร ผู้อำนวยการสำนักกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมสำนักงาน คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) กล่าวว่า ได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำโดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ร่วมกับ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการ กสทช. สายงานกิจการโทรคมนาคม ตรวจสอบบริษัทผู้ให้บริการระบบวอยซ์โอเวอร์ไอพี (วีโอไอพี) ที่เกี่ยวข้องกับเบอร์โทรศัพท์คนร้ายที่ใช้โทรหาผู้เสียหายที่อยู่ในประเทศไทยแล้วพบว่า รูปแบบการให้บริการของบริษัทดังกล่าว เป็นการให้บริการโดยเช่าหมายเลขโทรศัพท์ และสัญญาณโทรศัพท์มาจากผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือหลักในประเทศไทย และเมื่อเช่าแล้ว ก็ให้เช่าหมายเลขโทรศัพท์แก่บุคคลหรือบริษัท ทั่วไปทั้งในและต่างประเทศ อีกทอดหนึ่ง

นายพิชัยกล่าวว่า จากการตรวจสอบลักษณะการให้บริการ พบว่า มี 5 บริษัท ที่ดำเนินการเช่าแล้วให้เช่าช่วงต่อกับบริษัทอื่น นำไปใช้กับอุปกรณ์แปลงสัญญาณโทรศัพท์ เคลื่อนที่ระบบจีเอสเอ็ม เพื่อให้สามารถ รับ-ส่ง ข้อมูลผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยใช้ เอสไอพี เซิร์ฟเวอร์ ที่เช่ามาเชื่อมต่อกับ เอสไอพี เซิร์ฟเวอร์ ของผู้ให้บริการรายอื่น ทั้งในและต่างประเทศ แล้วจึงแปลงสัญญาณจากวอยซ์โอเวอร์ไอพี เพื่อเชื่อมต่อสัญญาณเข้ากับชุมสายโทรศัพท์ของผู้ให้บริการภายในประเทศที่ได้รับอนุญาต เพื่อติดต่อไปยังหมายเลขปลายทางต่อไป ถือว่าเป็นการให้บริการในลักษณะ คอล เทอร์มิเนชั่น (วีโอไอพี เทอร์มิเนชั่น) ซึ่งเป็นการให้บริการโทรคมนาคม ที่ต้องได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม

สำหรับข้อมูลจากศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (ศป.ฉปทน.ตร.) ที่ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนทั่วประเทศ (ตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2560 ถึง วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561) มีจำนวน 373 คดี รวมมูลค่าความเสียหาย 195,394,775 บาท และจากการตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์คนร้ายที่โทรเข้ามาหลอกลวงผู้เสียหาย พบว่าเป็นการโทรศัพท์ผ่านระบบวอยซ์โอเวอร์ไอพี โดยผู้ให้บริการเป็นผู้ซื้อหมายเลขโทรศัพท์ จากค่ายโทรศัพท์มือถือหลักของประเทศ จากการตรวจสอบการให้บริการของบริษัทดังกล่าว พบว่าเป็นการให้บริการโดยผิดกฎหมาย ทางสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ตรวจสอบแล้วยืนยันว่า บริษัทดังกล่าวกระทำเกินกว่าขอบเขตที่ได้รับอนุญาตในการประกอบกิจการโทรคมนาคม อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 มาตรา 7 (1) และมาตรา 67 (1) ข้อหาประกอบกิจการโทรคมนาคมประเภทที่ 1 โดยไม่ได้รับอนุญาต (ไม่มีโครงข่าย ให้บริการเสียง ข้อมูล พหุสื่อ แก่บุคคลทั่วไป ทั่วประเทศ) อัตราโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท

ทั้งนี้ กสทช. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จะทำการตรวจสอบบริษัท ผู้กระทำผิดในลักษณะเช่นนี้ทุกราย เพื่อบรรเทาปัญหา การที่คนร้ายใช้ช่องทางนี้กระทำผิด หลบเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ และให้ทุกบริษัทที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจังต่อไป

 

 

 

ที่มา มติชนออนไลน์