JVC โรดโชว์ตปท.ปลุกกระแส JFinCoin

“เจ เวนเจอร์ส” เร่งพัฒนาระบบ “JFin DDLP” หลังระดมทุนผ่าน ICO ลอตแรกได้เงินกว่า 660 ล้านบาท เตรียมผุด P2P lending เพิ่มศักยภาพการปล่อยกู้ให้กลุ่มเจมาร์ท คาดได้เห็นสิ้นปี 2562 ทั้งเตรียมโรดโชว์ดึงเงินนักลงทุนต่างชาติ และเพิ่มมูลค่า “เจฟิน คอยน์”

นายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด (เจวีซี) บริษัทในเครือเจมาร์ท กล่าวว่า บริษัทกำลังพัฒนาระบบ DDLP (decentralized digital lending platform) หรือระบบการกู้ยืมเงินแบบดิจิทัลบนเทคโนโลยีบล็อกเชน ที่ปลอดภัย และครบวงจร ตั้งแต่การระบุตัวตน (KYC), ประเมินเครดิต, อนุมัติสินเชื่อ และติดตามหนี้สิน รวมทั้งปล่อยกู้แบบ P2P lending ที่สามารถกู้ได้โดยตรงไม่ต้องผ่านธนาคาร ด้วยการใช้บิ๊กดาต้า ทั้งข้อมูลเงินในบัญชี การใช้เงิน และข้อมูลส่วนตัวบนโซเชียล ซึ่งปัจจุบันบริษัทในเครือมีข้อมูลลูกค้ากว่า 3 ล้านคน และอาจร่วมมือกับแบงก์เพิ่ม

โดยใช้เงินจากการระดมทุนด้วย initial coin offering (ICO) มาพัฒนาระบบ ซึ่งจากการพรีเซล “เจฟิน คอยน์” (JFin Coin) เมื่อ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา จำหน่ายไป 100 ล้านโทเคน จาก 300 ล้านโทเคน ได้เงิน 660 ล้านบาท

สำหรับระบบ DDLP จะเสร็จภายในปี 2562 โดยเมื่อ ธ.ค. ที่ผ่านมาได้เริ่มทดลองร่วมกันกับดีแทค โดยปล่อยกู้ไป 2,000 ราย วงเงิน 3 ล้านบาท

เมื่อระบบสมบูรณ์จะให้กลุ่มเจมาร์ท และพันธมิตรใช้ในการปล่อยกู้ และจะมีผลิตภัณฑ์ออกมาไตรมาสละ 2-3 อย่าง อาจใช้ชื่อว่า “ป๋า” เจาะกลุ่มลูกค้าที่เน้นใช้เงินสด อาทิ แท็กซี่, นักศึกษา, ผู้ต้องการเงินสดแบบด่วน ซึ่งจะปล่อยกู้โดย “เจฟินเทค” ส่วน “เจ เวนเจอร์ส” จะมีรายได้จากทรานแซ็กชั่นฟี

“รากหญ้าไทยเป็นเงินกู้ทั้งประเทศ แต่ยังมีคนไม่สามารถกู้ธนาคารได้ เพราะไม่มีเครดิต จึงอยากปล่อยกู้ส่วนนี้ โดยใช้เทคโนโลยีเข้าถึงผ่านสมาร์ทโฟน โดยปีนี้เจฟินเทคเตรียมปล่อยกู้ 7,000 ล้านบาท ตั้งเป้าเติบโต 120%”

ปัจจุบันเจฟินคอยน์ ทั้ง 100 ล้านเหรียญของผู้ที่ซื้อ 2,200 ราย ยังอยู่ที่ Tdax ซึ่งเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนคอยน์ เพราะอยู่ระหว่างรอความชัดเจน พ.ร.ก.การกำกับดูแลทรัพย์สินดิจิทัล คาดว่าจะเริ่มโอนให้ลูกค้า 2 พ.ค.นี้ เพื่อให้นำไปเทรดผ่านตัวกลางทั้ง 6 แห่ง คือ Tdax, cash2coin, Coin asset, BX Thailand, I coin และ JIBEx

ส่วนเจฟินคอยน์ที่เหลืออีก 200 ล้านเหรียญมีกำหนดขายในอีก 3 ช่วง ได้แก่ ต.ค. 2561, เม.ย. และ ต.ค. 2562 เพื่อให้ระบบ DDLP เสร็จตามไทม์ไลน์ที่วางไว้

โดยบริษัทยังวางแผนไปโรดโชว์ต่างประเทศ เช่น จีน, สิงคโปร์, ฮ่องกง เพื่อดึงดูดนักลงทุน ซึ่งจะทำให้มูลค่าเหรียญมีโอกาสเพิ่มขึ้น

ส่วนการเก็บภาษีทรัพย์สินดิจิทัล เป็นเรื่องที่ควรทำให้ชัดเจน เพื่อให้นักลงทุนตัดสินใจได้ว่าจะลงทุนหรือไม่