AIS Fibre ปักธง 3 ปีก้าวสู่เบอร์ 1 ดึงอดีตเจ้าแม่เซเรเนดเสริมทัพ ยกระดับคุณภาพบริการสู้แข่งเดือด พร้อมลุยตลาดเกมเมอร์หวังช่วยย้ำภาพลักษณ์เน็ตเวิร์กแข็งแกร่ง ชี้ใช้ 5G ทำฟิกซ์บรอดแบนด์สร้างภาระค่าคลื่นโดยไม่จำเป็น
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) เปิดเผยว่า การก้าวสู่ปีที่ 5 ของบริการบรอดแบนด์ “AIS Fibre” จะยังคงเน้นการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงของตลาด (game changer) เหมือนที่ยึดมั่นมาตลอด ทั้งการก้าวเข้ามาเป็นผู้เล่นรายใหม่ที่ชูการให้บริการไฟเบอร์แท้ 100% เป็นรายแรกและเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมใหม่ ๆ อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดให้ลูกค้าสลับความเร็วดาวน์โหลด-อัพโหลดได้เองโดยไม่มีค่าใช้จ่าย การ boot speed ได้เป็นรายวัน การแยกท่อแบนด์วิดท์สำหรับเล่นเกมออกจากการใช้งานทั่วไป
- “ทางรัฐ” ซูเปอร์แอปแห่งชาติ รองรับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
- ล้งกระหน่ำทุบราคามังคุด จากโลละ 200 เหลือ 60 บาท
- ทูลเกล้า 11 รายชื่อคณะรัฐมนตรี เศรษฐา 1/1 ออก 4 เข้าใหม่ 6 ตำแหน่ง
“ปีนี้จะเป็นปีแห่งการยกระดับคุณภาพบริการ AIS Fibre จะเร็วกว่าดีกว่าง่ายกว่า เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง จากตลาดที่เน้นการแข่งเพิ่มสปีดลดค่าบริการ โดยจะทำให้ลูกค้าหลงรักเราเหมือนที่ลูกค้าโมบายหลงรัก และอีก 3 ปีในวาระซีอีโอที่เหลือ AIS Fibre จะต้องก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 รายใหญ่ในตลาด”
โดยได้ดึงผู้ปลุกปั้น “เอไอเอส เซเรเนด” ที่ทำให้การดูแลลูกค้าโมบายของเอไอเอสเป็นเบอร์ 1 อย่าง “วิลาสินี พุทธิการันต์” อดีตหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านลูกค้าและบริการ มาเป็นที่ปรึกษา
ขณะที่นายศรัณย์ ผโลประการ หัวหน้าฝ่ายงานบริหารธุรกิจฟิกซ์บรอดแบนด์ เอไอเอส กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันฐานะลูกค้าอยู่ที่ราว 8 แสนราย มาร์เก็ตแชร์ราว 7.9% สิ้นปีตั้งเป้าจะมีลูกค้า 1 ล้านราย
โดยเน้นการพัฒนานวัตกรรมบริการและสร้างสิทธิพิเศษ รวมถึงการทำตลาดควบคู่กันกับบริการโมบาย เพื่อดึงลูกค้าโมบายของเอไอเอสให้มาใช้งานมากขึ้น โดยเฉพาะในหัวเมืองใหญ่ หลังจากที่ได้วางโครงข่ายครอบคลุม 57 จังหวัดแล้ว ก่อนที่จะเริ่มลงทุนขยายจังหวัดให้บริการเพิ่มในปีหน้า
นอกจากนี้ยังจะเน้นเจาะกลุ่มเกมเมอร์ ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่ทั้งธุรกิจโมบายและฟิกซ์บรอดแบนด์ของเอไอเอสเพิ่งเริ่มเข้าทำตลาดอย่างจริงจัง เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และสามารถเป็น “อินฟลูเอนเซอร์” ที่จะตอกย้ำความแข็งแรงของเน็ตเวิร์กได้ดี จากการใช้งานอย่างหนักหน่วง
“ประเทศไทยมี 21 ล้านหลังคาเรือน ติดเน็ตบ้านไปแค่ 9 ล้านหลังคาเรือน เป็นคอนโดมิเนียมประมาณ 10% มีผู้ให้บริการ 4 ราย ซึ่งถือว่าน้อยมาก ตลาดยังมีโอกาสเติบโต แต่ต้องทำให้บริการเป็นเบอร์ 1 ให้ได้ก่อน”
ส่วนการนำ 5G มาใช้กับบริการฟิกซ์บรอดแบนด์มองว่า ยังไม่จำเป็น เพราะด้วยเทคโนโลยีที่มีต้นทุนสูง หากนำมาใช้จะเป็นการเสริมในจุดบอดมากกว่าใช้ทดแทนทั้งหมด ซึ่งปัจจุบัน 4G ก็ยังมีศักยภาพเพียงพอจะใช้ในส่วนนี้ได้
“ธุรกิจฟิกซ์บรอดแบนด์ ไม่มีภาระค่าคลื่นความถี่ซึ่งในไทยมีราคาสูงมาก จึงเป็นข้อได้เปรียบของธุรกิจ การนำ 5G มาใช้ทดแทนทั้งหมดจึงไม่เหมาะ
