เปิดใจ “ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ” ทำไมกูรูอีคอมเมิร์ซลงสมัคร สว.

Pawoot
ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ

เหลือเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนที่ “สมาชิกวุฒิสภา” (สว.) ชุดปัจจุบันที่ได้รับการแต่งตั้งโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทั้ง 250 คน จะหมดวาระ ในวันที่ 11 พ.ค. 2567 และมี สว.ชุดใหม่จำนวน 200 คน เข้ามาปฏิบัติหน้าที่แทน ผ่านการคัดสรรด้วยระบบ “เลือกกันเอง” ตั้งแต่ระดับอำเภอ จังหวัด และประเทศ

โดยคุณสมบัติของผู้สมัครจะต้องมีสัญชาติไทยโดยกำเนิด อายุไม่ต่ำกว่า 40 ปี ในวันที่สมัคร และมีประสบการณ์การทำงานในกลุ่มอาชีพที่ต้องการสมัครไม่น้อยกว่า 10 ปี

อย่างไรก็ตาม การเปิดกว้างให้ผู้คนจากสาขาอาชีพต่าง ๆ สามารถสมัครเข้าสู่สนามการเลือก สว. เพื่อเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศได้ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญในวงการต่าง ๆ ประกาศความพร้อมในการลงสมัคร สว.ครั้งนี้ มี “ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ” ผู้คร่ำหวอดในแวดวงธุรกิจดิจิทัล อีคอมเมิร์ซ และผู้ก่อตั้ง “ตลาดดอตคอม” เว็บไซต์ขายของออนไลน์เว็บแรก ๆ ของไทยรวมอยู่ด้วย

จุดเปลี่ยนสมัคร สว.

“ภาวุธ” เปิดใจกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงเหตุผลที่ตัดสินใจสมัคร สว.ในครั้งนี้ว่า มาจากการที่มีโอกาสเข้าไปให้ข้อมูลกับกรรมาธิการสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เรื่องการทะลักเข้ามาของสินค้าจีนราคาถูก ซึ่งส่งผลต่อการแข่งขันของผู้ประกอบการในไทย แล้วพบว่าใช้เวลาไม่นานก็เริ่มเห็นความเคลื่อนไหวจากฝั่งรัฐบาลในการจัดการกับปัญหานี้ ดังจะเห็นได้จากการพิจารณาเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% สินค้านำเข้าที่มีราคาต่ำกว่า 1,500 บาท เชื่อว่ามาตรการนี้จะช่วยคัดกรองสินค้าจีนที่ไม่มีคุณภาพก่อนเข้าไทยได้เป็นจำนวนมาก

“ที่ผ่านมาผมพยายามผลักดันเรื่องการขาดดุลดิจิทัล สินค้าจีน และการผูกขาดของอีคอมเมิร์ซต่างชาติด้วยตนเองมาตลอด แต่พบว่าเกิดความเปลี่ยนแปลงค่อนข้างช้า กระทั่งร่วมผลักดันผ่านกรรมาธิการ สส. ถึงเห็นความเคลื่อนไหว จึงตัดสินใจว่าการเข้าไปอยู่ในกลไกของ สว. จากกลุ่มอาชีพเทคโนโลยีน่าจะช่วยผลักดันเรื่องต่าง ๆ ได้ โดยจะใช้ประสบการณ์ด้านดิจิทัลที่มีในการสร้างความก้าวหน้าให้กับประเทศ”

Advertisment

เส้นทางกูรูอีคอมเมิร์ซ

จากข้อมูลบนเว็บบล็อกส่วนตัวของ “ภาวุธ” ระบุว่า ตนมีภูมิลำเนาเป็นชาวจังหวัดกาญจนบุรี อำเภอท่ามะกา ตำบลท่าเรือ ครอบครัวทำธุรกิจเกี่ยวกับการค้าและเป็นตัวแทนขายมอเตอร์ไซค์

จบการศึกษาระดับปริญญาโทใบแรกจากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญด้าน Internet & e-Commerce จบปริญญาโทใบที่สองจากสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยรังสิต คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์

และได้เริ่มต้นสร้างธุรกิจด้านออนไลน์กับเพื่อนตั้งแต่อายุ 23 ปีรับเงินก้อนแรกจากนักลงทุนตอนอายุ 25 ปี ขยายธุรกิจจนเติบโต ทำให้ Rakuten บริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น เข้ามาร่วมลงทุนเพื่อบุกเบิกธุรกิจอีคอมเมิร์ซในไทย แม้ภายหลังเขาจะซื้อบริษัทคืนกลับมาบริหารเองอีกครั้ง

“ภาวุธ” ยังแบ่งปันข้อมูลความรู้ด้านดิจิทัลผ่านการเป็นวิทยากรและอาจารย์พิเศษ มีผลงานหนังสือที่ตีพิมพ์แล้วมากมาย เช่น Super Growth กระชากธุรกิจให้โต 200% พร้อมเครื่องมือทำธุรกิจคุณให้โต และมีส่วนร่วมในการก่อตั้งสมาคมด้านเทคโนโลยีหลายองค์กร ทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐมากมาย เคยเป็นคณะทำงานอนุกรรมาธิการวุฒิสภา มีส่วนร่วมในการร่างกฎหมาย และขับเคลื่อนกิจกรรมด้านดิจิทัล

Advertisment

นักลงทุน “ผู้มาก่อน”

นอกจากบริหารธุรกิจของตนเองแล้ว เขายังเป็นนักลงทุนในธุรกิจสตาร์ตอัพด้านเทคโนโลยีอีกเกือบ 50 บริษัท เช่น Tellscore, Wisesight, และ Pay Solutions เป็นต้น โดยนำประสบการณ์ในการทำธุรกิจมาช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้กับสตาร์ตอัพเหล่านั้น จนสามารถสร้างรายได้รวมกว่า 2,600 ล้านบาท ในปี 2566 ที่ผ่านมา

ในกว่า 50 บริษัทที่เขาเข้าไปลงทุนแบ่งได้เป็น 11 กลุ่มอุตสาหกรรม ดังนี้

1.การค้าขายออนไลน์ (e-Commerce) 2.การค้าออนไลน์ในกลุ่มธุรกิจเฉพาะ (Vertical e-Commerce) 3.บริการด้านการขนส่ง (e-Logistic) 4.บริการด้านการเงินและบัญชี (Fintech) 5.บริการโฆษณาออนไลน์ (Advertising) 6.บริการด้านข้อมูลและการวิเคราะห์ (Big Data & AI) 7.บริการการค้าอัตโนมัติ (Retail Automation) 8.ธุรกิจด้านสุขภาพออนไลน์ (Health Tech) 9.บริการด้านงานบุคคล (HR Tech) 10.บริการด้านอุตสาหกรรม (Robot, Industrial & Energy Tech) 11.เกมในรูปแบบต่าง ๆ (Games)

ก่อนหน้านี้ “ภาวุธ” เคยให้สัมภาษณ์ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สไตล์การลงทุนของเขามักเริ่มจากความชอบและความถนัด ทั้งต้องเป็น “First Mover” เพื่อครองความได้เปรียบในฐานะ “ผู้มาก่อน” ทำให้พอร์ตโฟลิโออัดแน่นไปด้วยธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยี

“ดิจิทัล” เชื่อมกันเป็นอีโคซิสเต็ม

“ผมจะลงทุนในธุรกิจที่เห็นแล้วอยากทำ หรือผู้ก่อตั้งเป็นคนที่มีพลัง มีไฟ ผมถนัดเรื่องดิจิทัลจึงลงทุนด้านนี้ และพยายามสร้างระบบนิเวศให้เสริม Synergy กัน สมมุติผมลงทุนบริษัท HR ก็ต้องต่อกับระบบบัญชี เอา 2 บริษัทที่ทำเรื่องนี้มาทำงานร่วมกัน”

ล่าสุดขยับไปอีกขั้นด้วยการเปิดตัวบริษัท อีฟราสตรัคเจอร์ จำกัด (EfraStructure) เมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา จากเดิมลงทุนในรูปแบบส่วนบุคคล โดยร่วมมือกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา จัดตั้งกองทุน “Finno Efra Fund” มูลค่ากองทุน 1,300 ล้านบาท มีเป้าหมายเพื่อผลักดันธุรกิจเทคโนโลยีคนไทยให้เติบโตออกไปแข่งขันกับต่างประเทศได้

กระบอกเสียงเรียกร้อง

ในฐานะที่คร่ำหวอดอยู่ในธุรกิจเทคโนโลยีตั้งแต่ยุคแรกของดอตคอมในประเทศไทย ฐานะสตาร์ตอัพรุ่นแรกที่ในขณะนั้นยังไม่มีคำเรียกว่าเป็นสตาร์ตอัพด้วยซ้ำ ทำให้เขาเห็นถึงความเปลี่ยนแปลง ปัญหา และอุปสรรคต่าง ๆ ในหลายแง่มุมจากการเข้ามาของบริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติ โดยเฉพาะธุรกิจแพลตฟอร์ม

“ภาวุธ” บอกว่า จากการใช้บริการดิจิทัลของประชากรไทยจำนวน 52 ล้านคน และภาคธุรกิจกว่า 2 ล้านราย คาดว่าคนไทยจะจ่ายเงินให้กับผู้ให้บริการออนไลน์ต่างประเทศแต่ละปีสูงถึง 2 แสนล้านบาท มากกว่ามูลค่าการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปปี 2564 ที่ 172,750 ล้านบาท หรือเทียบกับการส่งออกข้าวไทยในปี 2564 ที่มีมูลค่าเพียง 107,758 ล้านบาท

“หมายความว่าคนไทยต้องส่งออกข้าวเพิ่มเป็น 2 เท่า ถึงจะเท่ากับการที่คนไทยเสียเงินให้กับบริการออนไลน์จากบริษัทต่างประเทศ”

นั่นทำให้เขาออกมาเรียกร้องให้ภาครัฐกำกับดูแลเรื่องนี้อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการนำตัวเลขขาดดุลดิจิทัลเข้าไปรวมกับการขาดดุลของประเทศ พร้อมทั้งกระตุ้นให้ภาครัฐและเอกชนหันมาใช้บริการของบริษัทไทย

รวมถึงส่งเสริมการส่งออกโซลูชั่นของไทยไปยังตลาดต่างประเทศ และเชิญชวนผู้ประกอบการต่างประเทศบันทึกรายได้ที่เกิดในไทยแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย

“ความน่ากังวลคือการขาดดุลดิจิทัลจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนหยุดไม่อยู่เพราะเด็กรุ่นใหม่เกิดมาพร้อมสิ่งนี้”

การเปิดตัวในฐานะผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา (สว.) รอบนี้ของเขาจึงน่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง

เปิดทาง 20 กลุ่มอาชีพ สมัคร “สว.”

เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2567 คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภาชุดใหม่แล้ว โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คาดว่า พ.ร.ฎ. ให้มีการเลือก สว.จะมีผลใช้บังคับในวันที่ 11 พ.ค. 2567 ประกาศกำหนดวันเลือกและวันรับสมัครในวันที่ 13 พ.ค. 2567 กำหนดวันเลือก สว.ระดับอำเภอในวันที่ 9 มิ.ย. 2567 กำหนดวันเลือก สว.ระดับจังหวัดในวันที่ 16 มิ.ย. 2567 กำหนดวันเลือก สว. ระดับประเทศในวันที่ 26 มิ.ย. 2567 และกำหนดวันที่จะประกาศผลการเลือก สว. ในวันที่ 2 ก.ค. 2567

สำหรับคุณสมบัติของผู้สมัคร สว.รอบนี้ นอกจากจะต้องมีสัญชาติไทยโดยกำเนิด อายุไม่ต่ำกว่า 40 ปี ในวันที่สมัครแล้วยังจะต้องมีประสบการณ์การทำงานใน 20 กลุ่มอาชีพ ดังนี้ 1.กลุ่มการบริหารราชการแผ่นดิน และความมั่นคง เช่น อดีตข้าราชการ อดีตเจ้าหน้าที่ของรัฐ 2.กลุ่มกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เช่น ผู้ที่เป็นหรือเคยเป็นผู้พิพากษา อัยการ ตำรวจ หรือผู้ประกอบวิชาชีพด้านกฎหมาย 3.กลุ่มการศึกษา เช่น ผู้เป็นหรือเคยเป็นครู อาจารย์ นักวิจัย ผู้บริหารสถานศึกษา บุคลากรทางการศึกษา 4.กลุ่มการสาธารณสุข เช่น แพทย์ทุกประเภท พยาบาล เภสัชกร

5.กลุ่มอาชีพทำนา ปลูกพืชล้มลุก 6.กลุ่มอาชีพทำสวน ป่าไม้ ปศุสัตว์ ประมง 7.กลุ่มพนักงานหรือลูกจ้างของบุคคล ซึ่งมิใช่ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ 8.กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านสิ่งแวดล้อม ผังเมือง อสังหาริมทรัพย์และสาธารณูปโภค ทรัพยากรธรรมชาติ พลังงาน 9.กลุ่มผู้ประกอบกิจการขนาดกลางและขนาดย่อมตามกฎหมาย (SMEs) และผู้ประกอบกิจการอื่น ๆ 10.กลุ่มผู้ประกอบกิจการอื่นนอกจากข้อ (9)

11.กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจหรืออาชีพด้านการท่องเที่ยว เช่น มัคคุเทศก์ ผู้ประกอบกิจการหรือพนักงานโรงแรม 12.กลุ่มผู้ประกอบอุตสาหกรรม หรืออื่น ๆ ในทำนองเดียวกัน 13.กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การสื่อสาร การพัฒนานวัตกรรม หรืออื่น ๆ ในทำนองเดียวกัน

14.กลุ่มสตรี 15.กลุ่มผู้สูงอายุ คนพิการหรือทุพพลภาพ กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มอัตลักษณ์อื่น 16.กลุ่มศิลปะ วัฒนธรรม ดนตรี การแสดงและบันเทิง 17.กลุ่มประชาสังคม องค์กรสาธารณประโยชน์ 18.กลุ่มนักกีฬา สื่อสารมวลชน ผู้สร้างสรรค์วรรณกรรม 19.กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ และ 20.กลุ่มอื่น ๆ