ททท.ร่วมงาน ATM 2024 ดูไบ หวังดึงนักท่องเที่ยวตะวันออกกลางปีนี้ 1.1 ล้านคน

ททท. นำทีพผู้ประกอบการกว่า 60 รายร่วมงาน Arabian Travel Market : ATM 2024 มหกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของภูมิภาคตะวันออกกลาง เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มุ่งโชว์ศักยภาพไทย ชูจุดเด่นการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ตั้งเป้าปี’67 นักท่องเที่ยวตะวันออกกลางเที่ยวไทย 1.1 ล้านคน

วันที่ 9 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และนางสาวนิภา นิรันดร์นุต กุงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ ร่วมเป็นประธานพิธีเปิดคูหาประเทศไทยภายในงาน “Arabian Travel Market (ATM) 2024 มหกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของภูมิภาคตะวันออกกลาง” ที่กำหนดจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 6-9 พฤษภาคม 2567 ณ ศูนย์แสดงสินค้า Dubai World Trade Centre เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

โดยมีนายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. และนายศิริปกรณ์ เชียวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรปอเมริกา ตะวันออกกลางและแอฟริกา ททท. และผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ เข้าร่วมงาน โดยในปีนี้ ททท. นำคณะผู้ประกอบการไทยกว่า 64 หน่วยงานเข้าร่วมงาน Arabian Travel Market (ATM) 2024

นอกจากนี้ ยังมีการเจรจากับพันธมิตรทางธุรกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยวกลุ่มสุขภาพ ชูจุดเด่นการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพควบคู่การขายกิจกรรมท่องเที่ยวตามความสนใจหลากหลาย และเปิดตัวแคมเปญ “Your Stories Never End” ตั้งเป้าหมายดึงนักท่องเที่ยวตะวันออกกลาง 1.1 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 1 แสนล้านบาท

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า งาน Arabian Travel Market (ATM) 2024 เป็นงานส่งเสริมการขายด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของภูมิภาคตะวันออกกลาง และเป็นงานส่งเสริมการขายทางการที่ท่องเที่ยวที่ใหญ่ เป็นอันดับ 3 ของโลก โดยในปีนี้ เป็นการจัดงานครั้งที่ 31 และเป็นปีที่ 24 ที่ประเทศไทยเข้าร่วมงาน

Advertisment

โดยกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 6-9 พฤษภาคม 2567 ณ ศูนย์การจัดแสดง Dubai World trade Center เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ภายในงานได้มีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลก รวมไปถึงองค์กรส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งชาติ เข้าร่วมงาน

สำหรับคูหาประเทศไทยในปีนี้ ททท. ได้สำรองพื้นที่ขนาด 303.75 ตารางเมตร ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าปีที่ผ่านมา เพื่อให้สามารถรองรับผู้ขายได้เพิ่มมากขึ้น โดยนำเสนอประเทศไทยผ่านการนำหน้าจั่วของปราสาทพระเทพบิดรอันเป็นสถาปัตยกรรมที่สำคัญภายในวัดพระศรีรัตนศาสดารามมาเป็นต้นแบบของโครงสร้างคูหาฯ เป็นอัตลักษณ์สำคัญที่สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล อีกทั้งได้นำเอาสีฟ้า สีน้ำเงิน และสีขาว จากกระเบื้องเคลือบประดับผนังภายในวัด มาเป็นสีโทนหลัก ตัดสลับกับไม้สีโทนอ่อนที่แสดงถึงความอบอุ่น และสีทองที่แสดงถึงความหรูหรา

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานในปีนี้ ททท. ได้นำสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจโรงแรม บริษัทนำเที่ยว สายการบิน และธุรกิจบริการท่องเที่ยวอื่นๆ รวมถึงได้ดำเนินงานร่วมกับสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตเปิดรับสมัครผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทยเข้าร่วมงาน รวม 64 หน่วยงาน (หรือเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 18 หน่วยงาน) มาเสนอขายสินค้าและบริการในฐานะผู้ขาย (Exhibitor หรือ Seller) ตลอดจนยังมีการจัดพื้นที่สำหรับการประชาสัมพันธ์ ตลอดจนพบปะเจรจากับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่มาร่วมงานในฐานะผู้ซื้อ (Trade Visitor หรือ Seller)

ขณะเดียวกัน ททท. ยังได้ดำเนินภารกิจด้านความร่วมมือทางการตลาดกับหน่วยงานเอกชนในพื้นที่มากมาย ได้แก่ การจัดงาน “Your Stories Never End Media Lunch 2024” เพื่อพบปะสื่อมวลชนท้องถิ่น และ KOLs นำเสนอแคมเปญทางการท่องเที่ยว “Your Stories Never End” การประชุมหารือความร่วมมือกับผู้บริหารสายการบิน Qatar Airways และ Emirates Airlines และการประชุมร่วมกับผู้บริหาร WEGO ซึ่งเป็น META Search Engine ในการจองที่พักและบัตรโดยสารเครื่องบินอันดับหนึ่งของซาอุดีอาระเบียและตะวันออกกลาง

Advertisment

อย่างก็ไรตาม ททท. ยังได้ร่วมพิธีลงนาม Strategic Partnership Agreement ร่วมกับ Esaad Card เพื่อทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขายในกลุ่ม Dubai Police และ dnata Travel Group ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านบริการทางการท่องเที่ยว ในการทำ joint promotion และส่งเสริมนักท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวกลุ่มความสนใจต่างๆ ในกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (Gulf Cooperation Council : GCC)

สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางถือเป็นตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีความสำคัญและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางเดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศไทย 867,674 คน โดยมีนักท่องเที่ยวหลักเข้ามาจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (180,000 คน) และซาอุดีอาระเบีย (130,000 คน) ทั้งยังมีตลาดเกิดใหม่ เช่น โอมาน คูเวต บาห์เรน และกาตาร์ ที่มีศักยภาพเติบโตต่อไปได้ดี

อย่างไรก็ดี ในปี 2567 ททท. จะมุ่งเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Health & Wellness tourism) ของประเทศไทยที่มีทั้งความพร้อม ความเชี่ยวชาญ และการบริการที่ดี จากสถานประกอบการด้านสุขภาพมาตรฐานระดับนานาชาติในประเทศไทยกว่า 300 แห่ง รวมถึงนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ วัฒนธรรม แหล่งช้อปปิ้ง และจุดหมายปลายทางใหม่ที่นักท่องเที่ยวยังไม่เคยพบเห็น

ทั้งนี้ ททท. คาดการณ์ว่าตลอดปี 2567 นี้ จะมีนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางเดินทางมาท่องเที่ยวไทยมากกว่า 1.1 ล้านคน และสร้างรายได้มากกว่า 1 แสนล้านบาท