
คอลัมน์ : Market-think ผู้เขียน : สรกล อดุลยานนท์
วันก่อน “ต่อ” อุกฤษฎ์ วงศ์ทองสาลี ประธานหอการค้าจังหวัดจันทบุรี ชวนไปคุยกับสมาชิก “หอจันท์” ในฐานะคนเมืองจันท์
เขาตั้งชื่อหัวข้อว่า “มองจันท์จากมุมไกล”
เพราะผมบอกเขาว่า ผมเป็นคนเมืองจันท์ แต่ไปจันทบุรีน้อยมาก
ไม่ค่อยรู้ข้อมูลของจังหวัดเท่าไร
แต่เขาก็ยังยืนยันขอมุมมองแบบ “คนในกึ่งคนนอก” เพราะบางทีอาจมีมุมมองที่คนที่อยู่ใกล้เกินไปมองไม่เห็น
รับปากไปนานพอสมควร แต่ไม่รู้จะพูดอะไร
มาค้นข้อมูลเศรษฐกิจของเมืองจันท์ ยิ่งรู้สึกว่าคนเมืองจันท์โชคดี
เจอข้อมูลล่าสุดแค่ปี 2562 GDP ของจันทบุรีอยู่ลำดับที่ 15 ของประเทศ
รายได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วประเทศ
รายจ่ายต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
รายได้สูง ค่าครองชีพต่ำ
ทุเรียนปีที่แล้วขายได้ตั้ง 75,000 ล้านบาท
มีทะเล ภูเขา อาหารอร่อย ทุเรียนก็ราคาดี
และมี “เซ็นทรัล” ด้วย 555
“แล้วจะเอาอะไรอีก” เป็นประโยคที่ผมถามเล่น ๆ ในห้องประชุม
วันนั้น ผมเลือกพูดแค่ 2 เรื่อง
คือ เรื่องการท่องเที่ยว และทุเรียน
เรื่องการท่องเที่ยวก็เป็นเรื่องไอเดียต่าง ๆ ที่คิดว่าน่าจะจุดประกายให้คิดอะไรเพิ่มเติมได้บ้าง
ส่วนเรื่อง “ทุเรียน”
หลายปีที่ผ่านมาราคาทุเรียนที่ส่งออกไปจีน ทำให้เจ้าของสวนทุเรียนยิ้มกันทุกคน
ราคาดีมากครับ
แต่ละปีพื้นที่ปลูกทุเรียนในเมืองจันท์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
คนมักกังวลว่า ทุเรียนเวียดนามจะตีตลาดทุเรียนไทย
แต่ผมไม่ค่อยกังวลเรื่องนี้
เพราะจำนวนประชากรของจีนเยอะมาก 1,400 กว่าล้านคน
ตอนนี้คนจีนที่ได้ลิ้มรสทุเรียนยังมีอยู่น้อย
จำนวน “ปาก” คนจีนที่มากถึง 1,400 ล้านคน ไทย เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ฯลฯ ยังไงก็ผลิตไม่พอ
แต่ปัญหาที่น่ากังวลของทุเรียนไทย คือ พึ่งพาตลาดจีนเพียงประเทศเดียว
อย่าลืมนะครับว่า โลกนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้
“จีน” ไม่ใช่ประเทศที่เศรษฐกิจเสรี 100%
รัฐยังกำหนดทุกอย่างอยู่
เขาสามารถสั่งเลิกโรงเรียนกวดวิชาทั่วประเทศภายในเวลาไม่กี่วัน
จัดการ “แจ็ก หม่า” ให้พ้นจากวงจร “อาลีบาบา” เพียงแค่วิจารณ์รัฐบาลเบา ๆ
ในขณะเดียวกันภูมิรัฐศาสตร์โลกในวันนี้ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงแบบเข้มข้นขึ้น
สหรัฐอเมริกา ระแวงจีนอย่างเปิดเผย และเริ่มเข้ามามีบทบาทในเอเชียมากขึ้น
เราไม่รู้ว่าวันหนึ่งอาจเกิดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน
หรือเกิดสงครามเย็นในพื้นที่นี้
สมัย “จอร์จ ดับเบิลยู. บุช” พอเกิดเหตุ 9/11 ขึ้นมา เขาประกาศว่า ถ้าใครไม่อยู่ข้างสหรัฐอเมริกา
“ประเทศนั้นก็คือ ฝ่ายตรงข้ามกับเรา”
คิดแบบมองโลกในแง่ร้ายก็คือ ถ้าวันหนึ่งไทยต้องเลือกข้าง หรือเกิดปัญหากับจีน
จีนสั่งห้ามนำเข้าทุเรียนจากไทย
ชาวสวนทุเรียนเมืองจันท์จะทำอย่างไร
เพราะตอนนี้ทุกคนไม่ได้กระจายความเสี่ยงเลย
แน่นอน การหาตลาดใหม่สำหรับ “ทุเรียน” ไม่ใช่เรื่องง่าย
เพราะรสชาติกับกลิ่นของทุเรียนมีลักษณะเฉพาะตัวมาก
ผมเสนอว่าชาวสวนทุเรียนน่าจะคิดเรื่องขายออนไลน์ในประเทศมากขึ้น
อาจจะแบ่งผลผลิตสัก 5-10% ทำออนไลน์
สร้างแบรนด์และฐานลูกค้าในประเทศตั้งแต่วันนี้
เงินอาจได้น้อยกว่าขายล้ง และยุ่งยากในการขายและจัดส่งมากกว่า
แต่วันหนึ่งถ้าเกิดวิกฤตที่คาดไม่ถึง
การขายออนไลน์จะช่วยบรรเทาปัญหาได้บ้าง
หรือการทำสวนผลไม้เพื่อการท่องเที่ยวก็เป็นการหารายได้อีกทางหนึ่ง
แต่การตัดสินใจกระจายความเสี่ยงไปเริ่มต้นสิ่งใหม่ ในวันที่การส่งออกไปจีนหอมหวนมาก
เป็นเรื่องที่ยากมาก
เพราะเมื่อเทียบกับการขายล้งจีน ชาวสวนแค่ทำผลผลิตให้ดี ๆ และตัดไปขายหรือให้เขามาเหมาที่สวน
ง่ายและสบายกว่าเยอะ
แต่ถ้าใครจำเรื่องการลอยตัวค่าเงินบาทเมื่อปี 2540 หรือวิกฤตโควิดที่ผ่านมา
หรือแม้แต่เรื่อง PM 2.5
ทุกคนจะเข้าใจได้ดีว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้
ตอนที่อากาศสดใส ให้เตรียมร่มไว้หน่อยก็ดีครับ