DES ของบเพิ่ม รับแผนปี”64 สปีด”SmartCity” หนุนเศรษฐกิจ

ดีอีเอสเตรียมของบเพิ่ม ตั้งรับแผนปี”64 พัฒนาทั้ง”สังคม-เศรษฐกิจ”สปีดโครงการ”smart city”ระบบคลาวด์กลาง กระตุ้นเศรษฐกิจดิจิทัล

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ล่าสุดได้มอบนโยบายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) เดินหน้าตามแผนปี 2564 ซึ่งเป็นโครงการที่ทำมาต่อเนื่อง และได้ติดตามความคืบหน้าในโครงการต่าง ๆ ที่กระทรวงดีอีเอสดำเนินการไปแล้วกว่า 10 โครงการ เช่น โครงการเน็ตประชารัฐ ดิจิทัลฮับ กิจการอวกาศ การต่อยอด 5G ระบบคลาวด์กลางของรัฐ ศูนย์ต่อต้านเฟกนิวส์ เป็นต้น

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงรายละเอียดของแผนงานปี 2564 ว่า นโยบายหลัก ๆ ที่ได้รับมอบใน 2 ด้านหลัก คือ ด้านสังคม ความมั่นคงและเศรษฐกิจ

ในส่วนด้านสังคมนั้นมีเป้าหมายหลักในการยกระดับคุณภาพชีวิตทุกช่วงอายุให้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลให้ทั่วถึง ทั้งส่งเสริมให้ผู้สูงวัยและผู้ด้อยโอกาสได้ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น ซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนก่อน ด้วยการจับมือกับ กสทช.พัฒนาแอปพลิเคชั่นสำหรับผู้บกพร่องทางการได้ยิน และผู้พิการทางสายตา ให้สามารถใช้งานคอมพิวเตอร์ผ่านระบบเสียงและสายตาได้ อีกทั้งเตรียมเปิดตัวแอปพลิเคชั่นร้องเรียนปัญหา ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการลิงก์ไปยังหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง

สำหรับด้านเศรษฐกิจ จะใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยสร้างงานให้คนไทยผ่านการขยายโครงข่าย 5G ที่จะต้องอาศัยความร่วมมือจากโอเปอเรเตอร์ และ “เน็ตประชารัฐ”บริการ WiFi ฟรีจากภาครัฐ 1 หมู่บ้าน 1 จุด อีกทั้งเตรียมเปิดโครงการ “สำเพ็งโมเดล” โมเดลนำร่อง WiFi ชุมชนจากความร่วมมือของ CAT และ TOT ที่จะติดตั้งอุปกรณ์แล้วเสร็จในเดือนพฤศจิกายน และจะขยายไปใช้กับ “ตลาดวังหลัง” และต่างจังหวัด ซึ่งถือเป็นโครงการที่ปูทางสู่การควบรวม CAT และ TOT ที่จะต้องจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทให้แล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม 2564 ตามมติ ครม.

สำหรับเป้าหมายสำคัญ คือ ผลักดันให้ไทยก้าวสู่ “smart city”ต้องเริ่มจากรัฐหันมาใช้ระบบคลาวด์กลาง (GDCC) ในการเก็บข้อมูลทั้งหมด คาดว่าจะรองรับการใช้งานกว่า 8,000 virtual machine “ดีอีเอสได้ตั้งงบพัฒนาระบบสำหรับปี 2564 ไว้กว่า 800 ล้านบาท แต่คงจะพัฒนาได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงคาดว่าอาจจะต้องของบประมาณเพิ่มเติม จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี หรืออาจจะขอจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 4 แสนล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา”